2
ในปี 2564 ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เลวร้าย เกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่ อากาศหนาวจัด น้ำท่วม พายุฝนรุนแรง คลื่นความร้อน และ เฮอริเคน พุ่งชนอุตสาหกรรมประกันภัย จ่ายค่าสินไหมร่วม 3.36 ล้านล้านบาท หรือ 1.05 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไม่รวมเคลมที่เกี่ยวข้องกับ โควิด-19 (COVID-19) และยังไม่ใช่การประเมินขั้นสุดท้าย
สถาบันสวิส รี (Swiss Re Institute) เผยว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างความเสียหายสูง ในปี 2564 และมีมูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีก่อนหน้า ดังนี้
• พายุเฮอริเคน “ไอดา” (Ida) ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีศักยภาพการทำลายล้างสูง สร้างความเสียหายมูลค่าแพงที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประชากรหนาแน่น ค่าสินไหมประมาณ 9.6 แสนล้าน - 1.02 ล้านล้านบาท
• น้ำท่วมในนิวยอร์ก พายุฤดูหนาว Uri หรือพายุน้ำแข็ง กระหน่ำ สหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงภัยรองอื่น ๆ ความเสียหายรวมมากกว่า 50% ของค่าสินไหมดังกล่าว เนื่องจากเป็นแหล่งพื้นที่มั่งคั่ง เกิดการเรียกร้องเคลมจำนวนมาก ประมาณ 4.8 แสนล้านบาท
• ในยุโรป เป็นเหตุการณ์ น้ำท่วม ในเยอรมนี เบลเยียม และประเทศใกล้เคียง ค่าสินไหมประมาณ 4.16 แสนล้านบาท แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.28 ล้านล้านบาท เป็นช่องว่างความคุ้มครองด้านประกันภัย (protection gap) ที่มีขนาดใหญ่
• เหตุการณ์ภัยพิบัติอื่น ๆ เช่น น้ำท่วมหนักใน มณฑลเหอหนาน ของจีน และ บริติสโคลัมเบีย ในแคนาดา
• ภัยพิบัติ ไม่รวมที่มนุษย์ก่อให้เกิดความเสียหายอีก 2.24 แสนล้านบาท
“ประกันภัย มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการส่งเสริมความยืดหยุ่นของสังคม เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ”
จากแนวโน้มต้นทุนค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก ที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ทำให้คาดว่าจะมีการปรับ เบี้ยประกันภัยต่อเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ ผู้เอาประกันภัย สำหรับความคุ้มครอง เพื่อฟื้นฟู และชดเชย ต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
เครดิต: สยามอินชัวร์ นิวส์
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์