ธุรกิจ ประกันภัย หันมาพึ่งพาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ในการสำรวจความเสียหายจากภัยต่างๆ มากขึ้น อาทิ โดรน (Drone) ยกตัวอย่างที่สหรัฐอเมริกา บริษัทประกันภัย ได้ส่ง โดรน มาสำรวจความเสียหายบ้านผู้เอา ประกันภัย รายหนึ่ง ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพายุ

โดยผู้เอา ประกันภัย รายนี้ เป็นชาวอเมริกันที่มีบ้านอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม รัฐแอละบามา สหรัฐอเมริกา โดยเล่าว่า หลังจากผ่านพ้นภัยพายุ พบว่ามีเศษวัสดุมุงหลังคาลอยมาตกที่สนามหน้าบ้าน บริษัทประกันภัย ที่ทำ ประกันภัย ไว้ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจความเสียหาย แต่กลับส่ง โดรน มาแทน

ทั้งนี้ อากาศยานไร้คนขับ บินร่อนเหนือบ้านขนาด 3 ห้องนอน และถ่ายรูปหลังคาบ้าน หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ บริษัท ลิเบอร์ตี มิวชวล อินชัวรันส์ ซึ่งรับ ประกันภัย ก็ส่งเช็คสินไหมทดแทน ชดเชยค่าซ่อมแซมบ้านมาถึงมือ

โดรน แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพ และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ต่างช่วยให้ประสบการณ์ที่หลายคนรู้สึกว่าเชื่องช้า และสิ้นเปลืองเวลามานาน เช่น การเคลม ประกันภัยรถยนต์ หรือบ้าน มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

จากเดิมที่การเคลม ประกันภัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายเล็กน้อยของตัวบ้าน หรืออุบัติเหตุ รถยนต์ จะเริ่มจาก ลูกค้าโทรศัพท์ไปแจ้งเคลม บริษัทประกันภัย หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการทำเคลม ซึ่งกว่าจะจบลงกินระยะเวลาดำเนินการเป็นเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์กว่าบริษัทจะส่งเช็คถึงมือลูกค้า ซึ่งระหว่างนั้น บริษัทประกันภัย มักจะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหาย มาประเมินความเสียหายเป็นรายๆ ไป ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการสำรวจความเสียหายเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น ดังเช่นการนำ โดรน มาใช้

อย่างไรก็ตาม บริษัท เล็กซิสเน็กซิส ริสค์ โซลูชั่น ที่ได้ดำเนินสำรวจผู้บริหาร บริษัทประกันภัย เผยว่า บริษัท ประกันภัยรถยนต์ ราว 4 บริษัทใน 10 บริษัท ไม่ได้ใช้พนักงานเคลมออกไปสำรวจความเสียหายเองในบางกรณี โดยการเคลม ประกันภัย ซึ่งพึ่งพาระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ใช้ระยะเวลาดำเนินการเพียง 2-3 วันเท่านั้น เทียบกับในอดีตที่ใช้เวลา 10-15 วัน สำหรับการสำรวจความเสียหายแบบเดิม โดยการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เอง

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา “เลมอนเนด” บริษัทประกันภัย บ้านอยู่อาศัยรายใหม่ กลายเป็นที่สนใจของวงการ หลังประกาศว่า บริษัทใช้เวลาเพียง 3 วินาที สำหรับหุ่นยนต์เคลมประกันเอไอ ในการไกล่เกลี่ยและชำระเคลม ประกันภัย สำหรับเสื้อนอกที่ถูกขโมยไป

ปกติแล้ว บริษัทประกันภัย มักเก็บระยะเวลาการจัดการเรื่องเคลม ประกันภัย เป็นความลับทางอุตสาหกรรม แต่บางรายระบุว่า ระยะเวลาสำหรับแจ้งการประเมินราคาต่อลูกค้า และได้รับเงินเคลม ประกันภัย นั้น เริ่มรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ และความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็อาจทำให้มีการทบทวนนโยบายด้านการเคลมมากขึ้น

กระบวนการที่เร็วขึ้นยังช่วยประหยัดเงินให้กับ บริษัทประกันภัย ด้วย ขณะเดียวกันระบบอัตโนมัติยังช่วยให้ บริษัทประกันภัย จ่ายเงินค่าเคลม ประกันภัย ลดลงด้วย โดย หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ โนวาริกา บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ประกันภัย กล่าวว่า ยิ่งไกล่เกลี่ยค่าเคลม ประกันภัย ได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจ่ายค่าเคลม ประกันภัย ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจทางการเงินโดยตรง

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์