“สวิส รี” ค่าย ประกันภัย ต่อ แถวหน้าของโลก ประเมินแนวโน้มตลาด ประกันภัย ปี 2560-61 วินาศภัยขยายตัว 2.2-3% ตลาดเกิดใหม่โตแกร่ง 5.7-6.7% อานิสงส์เส้นทางสายไหมจีน ดันประกันพาณิชกรรมขยับบวก “ไซเบอร์ อินชัวรันส์” เบี้ยแพงกลัวถูก “แฮ็ค” ฟาก ประกันชีวิต ทำผลงานเหนือกว่า ขยายตัว 4.8% และ 4.2% ตลาดเกิดใหม่โชว์ฟอร์มดีตามคาดโต 14.9% และ 10.9% ชี้ “สะสมทรัพย์” โกยยอด จับตาดอกเบี้ยต่ำ ลดทอนกำไรต่อเนื่อง

เว็บไซต์เอเชียอินชัวรันส์รีวิว รายงานว่า สวิส รี ได้เผยแพร่รายงานในหัวข้อ "รีวิว ตลาด ประกันภัย โลกและแนวโน้มในปี 2017-2018" ว่า ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจ ประกันภัย ในภูมิภาคเอเชีย คือ โอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นจาก โครงการเส้นทางสายไหม หรือ One Belt One Road ของจีน ที่เชื่อมโยงเส้นทางการค้าระหว่างประเทศในทวีปเอเชียไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกา ผ่านเส้นทางน้ำและบก ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นความต้องการใหม่ๆ ด้าน ประกันภัยพาณิชยกรรม หรือ ประกันภัย กลุ่มลูกค้ารายใหญ่เพิ่ม

ปี 60-61 “วินาศภัย” โลกโต 3% เบี้ย “ประกันไซเบอร์” แพง ผวา “แฮ็ค”

สวิส รี คาดว่า เบี้ย ประกันวินาศภัย ในตลาดโลกจะเติบโตเพิ่มขึ้น 2.2% และ 3.0% ในปี 2560 และปี 2561 เทียบกับปี 2559 ที่จะเติบโต 2.4% โดยในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จะมีอัตราเติบโตที่แข็งแกร่งมากกว่าถึง 5.7% และ 6.7% ในปี 2560 และ 2561 เทียบกับในปี 2559 ที่จะเติบโต 5.3% นอกเหนือจากเส้นทางสายไหมดังกล่าวแล้ว การที่สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ระดับจะกระตุ้นความต้องการ ประกันภัย ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ภาวะแวดล้อมด้านราคาเบี้ย ประกันภัย ในธุรกิจประกันวินาศภัย ยังคงท้าทายอยู่มาก โดยเชื่อว่าอัตราเบี้ย ประกันภัยพาณิชยกรรม ในทุกภูมิภาคยังคงลดลงอยู่เนื่องจากการแข่งขัน แต่สำหรับการ ประกันภัย ความเสี่ยงจากไซเบอร์ (cyber insurance) กลับมีทิศทางตรงกันข้าม เพราะอัตราเบี้ย ประกันภัย ยังคงเพิ่มขึ้น โดยการตระหนักถึงความเสี่ยงภัยต่างๆ อันเนื่องจากการโจมตี หรือคุกคามทางไซเบอร์ และการละเมิดด้านข้อมูล จะกระตุ้นความต้องการ ประกันภัย เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ จากไซเบอร์ และแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับธุรกิจประกันวินาศภัย

ปัจจุบัน ธุรกิจประกันวินาศภัยยังทำกำไรได้ เนื่องจากความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมีน้อย และการประกาศระดับการตั้งสำรอง หากค่าเฉลี่ยความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการประกาศตั้งสำรองลดลง คาดว่าจะทำให้ผลตอบแทนต่อหุ้น (ROE) ของธุรกิจประกันวินาศภัยลดจาก 8% ในปี 2558 หรือประมาณ 6% ในปี 2559-2561

"สะสมทรัพย์" หนุน ประกันชีวิต โต ปีหน้าตลาดเกิดใหม่โต 14.9% "จีน" นำ

สำหรับธุรกิจ ประกันชีวิต สวิส รี วิเคราะห์ว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิต แบบสะสมทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเบี้ย ประกันชีวิต ซึ่งเชื่อว่าจะมีอัตราเติบโตที่ดีกว่าธุรกิจ ประกันวินาศภัย อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

โดยคาดว่าในปี 2559-2561 เบี้ย ประกันชีวิต ในตลาดโลกจะขยายตัว 5.4%, 4.8% และ 4.2% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วน่าจะขยายตัวเพียง 2.1% ในปี 2560-2561 ซึ่งแรงขับสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตในตลาดโลก จะมาจากกลุ่มประเทศตลาดใหม่อีกเช่นเคย เนื่องจากมีเศรษฐกิจเติบโตแข็งแรง จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มชุมชนที่กลายเป็นสังคมเมือง และจำนวนชนชั้นกลางที่กำลังเพิ่มขึ้น

ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่นั้น สวิท รี คาดว่าเบี้ย ประกันชีวิต จะเติบโต 14.9% และ 10.9% ในปี 2560-2561 มาจากยอดขายประกันสะสมทรัพย์เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน เนื่องจากรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเบี้ย ประกันภัย ต่อจีดีพี จาก 3% เป็นในปี 2557 เป็น 5% ในปี 2560

ดอกเบี้ยต่ำยังปวนกำไร ชาติพัฒนาฉุดตลาดโลกแค่ 1%

อย่างไรก็ดี จากภาวะแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ยังคงก่อให้เกิดปัญหาให้กับบริษัทประกันชีวิต ในแง่ของการทำกำไร โดยผลตอบแทนต่อหุ้นลดลงจาก 13% ในช่วงต้นปี 2558 เหลือ 10% ตลอดปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากผลตอบแทนการลงทุนลดลง และแรงกดดันจากการแข่งขันด้านราคาเพิ่มขึ้น โดยบริษัทประกันชีวิตได้ปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด ทั้งการปรับผลิตภัณฑ์ และพอร์ตลงทุนเพื่อเพิ่มการทำกำไร แต่จะใช้เวลาพอสมควรทีเดียวที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไร และความเสี่ยงรวมของบริษัท

ในธุรกิจประกันชีวิตนั้น สวิส รี ยังคาดว่า การเติบโตของเบี้ย ประกันภัย ในตลาดโลกในปีนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5% ส่วนในปี 2560-2561 จะอยู่ประมาณ 1% เท่านั้น เนื่องจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีส่วนแบ่งมากในตลาดโลก มีอัตราเติบโตลดลง ขณะที่เบี้ย ประกันภัย ต่อ ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ น่าจะมีอัตราเติบโต 8% หรือสูงกว่า

ที่มา : เส้นทางนักขาย