ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า เท่าที่ดูผลประกอบการในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ที่เบี้ย ประกันภัย ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เชื่อว่าไตรมาสแรกก็คงต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เพราะยอดขาย รถยนต์ ยังไม่ดี ขณะที่โครงการของภาครัฐยังไม่ขยับมาก อีกทั้งตลาดก็ยังคงแข่งขันด้านราคาเบี้ย ประกันภัย กันรุนแรงมาก โดยเฉพาะประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (ไอเออาร์) ตัดราคาเบี้ย ประกันภัย กันหนัก

ทั้งนี้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ในตลาดโลกไม่มีมหันตภัยใหญ่ๆ เกิดขึ้น ทำให้ความเสียหายน้อย ทางบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) จึงแข่งขันกันได้มากขึ้น ทำให้อัตราเบี้ย ประกันภัย ในท้องตลาดปรับลดลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 30% ต่ำกว่าก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 โดยเบี้ย ประกันภัยทรัพย์สิน ของบริษัทก็ตกลงเช่นกัน แต่ไม่เท่าตลาด

การขยายตัวธุรกิจในปีนี้ คงจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น อาทิ ประกันภัย เครื่องบิน เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการเครื่องบินรายเล็กๆ จำนวนมาก ที่ต้องการทำ ประกันภัย อาทิ กลุ่มที่ให้บริการเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ซึ่งในตลาดประเทศไทยบริษัทเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่รับ ประกันภัย เครื่องบินอยู่ ขณะเดียวกันจะขยายงานไปสู่ตลาดภูมิภาคมากขึ้น ผ่านสาขาตามตะเข็บชายแดนที่ทยอยเปิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง และมีแผนจะเปิดเพิ่มขึ้นอีก

"ปีก่อนต้นทุนเราเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากเบี้ย ประกันภัย ไม่โตเยอะด้วย อย่าง ประกันภัยรถยนต์ เราก็โตแค่ 1% โดยกำไรจากการรับ ประกันภัย ก็ลดลงส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุนี้ อีกส่วนเนื่องจากอัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) เพิ่มประมาณ 4-5% จากเดิม 55% ขยับเป็น 60% มาจากต้นทุนค่าซ่อม ค่าแรง ค่าอะไหล่ เฉลี่ยขึ้น 10%"

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่เพิ่งประชุม เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีมติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2558 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท รวมทั้งปี 2558 บริษัทจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 12 บาท

ที่มา : สยามธุรกิจ