สามัคคีประกันภัย รอสัญญาณนโยบายใหญ่จากบริษัทแม่ "เอซ" ใน ตปท.จ่อเปลี่ยนแบรนด์ยกเครือ ใช้ "Chubb" เติมเต็มธุรกิจโตทุกช่องทาง หนุนขยายงาน ประกันภัย ทรัพย์สินรายย่อย และเอสเอ็มอี เจาะตลาดลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ ตั้งเป้าปี 59 โตสูงกว่าประกันวินาศภัยทั้งระบบ คาดขยายตัว 5-7%

กรรมการผู้จัดการ บมจ.สามัคคีประกันภัย กล่าวว่า กลุ่มเอซที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้เข้าซื้อธุรกิจของ Chubb ทั่วโลก ซึ่งมีอยู่ใน 54 ประเทศ และเปลี่ยนแบรนด์ทั้งเครือให้ใช้ชื่อ Chubb แทน ทำให้บริษัทต้องรอการให้นโยบายภาพรวมจากบริษัทแม่ก่อน ซึ่งในช่วงระหว่างที่รอนโยบายจากบริษัทแม่ ทางบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนงานในปีนี้ โดยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ย ประกันภัย รับตรง ที่สูงกว่าคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบ ที่อยู่ 5-7%

สำหรับการเติบโตหลัก ๆ จะมาจากเบี้ย ประกันภัย ที่ไม่ใช่รถยนต์ (พอร์ตน็อน-มอเตอร์) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็น ประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และสุขภาพ ประกันอัคคีภัย ประกันภัย ทรัพย์สิน และ ประกันภัย เบ็ดเตล็ด ทั้งนี้พอร์ตหลักของบริษัทมีสัดส่วนถึง 70% ของพอร์ตรวม ส่วนพอร์ต ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 25-30% ของพอร์ตรวม ปีนี้บริษัทยังคงมีช่องทางหลักในการขายอยู่ที่แบงก์แอสชัวรันส์ และจะเน้นขยายการเติบโตของช่องทางอื่นๆ เช่น ตัวแทน โบรกเกอร์

จุดแข็งของ Chubb ว่า เป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มีความเชี่ยวชาญเรื่อง ประกันภัย ทรัพย์สิน และ ประกันภัย เบ็ดเตล็ด มีตลาดหลักอยู่ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยระดับบน รวมถึง ประกันภัย สำหรับกลุ่มธุรกิจระดับกลางและ SME นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญในช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ (เทเลมาร์เก็ตติ้ง) ขณะที่ เอซ ถนัด ประกันภัย ทรัพย์สินขนาดใหญ่ ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ดังนั้นเชื่อว่าจะส่งผลให้ทางบริษัทในไทย สามารถปรับใช้ความรู้ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ ประกันภัย มาใช้ได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทไทยในกลุ่มเอซ ได้แก่ บมจ. เอซ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ ส่วนบริษัทประกันวินาศภัย ได้แก่ บมจ. สามัคคีประกันภัย และบริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย ซึ่งจะมีการควบรวม 2 บริษัทประกันวินาศภัยหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของ Chubb

กล่าวถึงการนำ บมจ.สามัคคีประกันภัย ออกจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ จะขอซื้อคืนหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีสัดส่วนประมาณ 5% ซึ่งมีการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญไปแล้ว เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเติม ประกอบกับ Chubb ที่ถือเป็นบริษัทแม่ ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ลอนดอนแล้ว ทำให้บริษัทลูกในไทยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอยู่ในท้องถิ่น คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือน พ.ค.นี้

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ