เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการพัฒนา ส่งเสริม และยกระดับมาตรฐานการ ประกันภัย ไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อศึกษาความจำเป็นในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการ ประกันภัย ทางทะเล พ.ศ. ... โดยมีเลขาธิการ คปภ. เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ประกันภัย ทางทะเลทั้งภายในและภายนอกองค์กรร่วมเป็นกรรมการ โดยที่ประชุมมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยควรมีกฎหมาย ประกันภัย ทางทะเลเป็นของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสัญญา ประกันภัย ทางทะเล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งเสริมธุรกิจ ประกันภัย ทางทะเล ในการคุ้มครองผู้เอา ประกันภัย ทั้งภายในและนอกประเทศ
เนื่องจากกฎหมาย ประกันภัย ทางทะเลมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการประกันวินาศภัยทั่วไป รวมทั้งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 868 บัญญัติว่า “อันสัญญา ประกันภัย ทางทะเล ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายทางทะเล” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ต้องการให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการ ประกันภัย ทางทะเลแยกต่างหากจากกฎหมาย ประกันภัย ทั่วไป
โดยหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการ ประกันภัย ทางทะเล เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่งทางทะเล และการเดินเรือ มากกว่าหลักกฎหมาย ประกันภัย ทั่วไป ประกอบกับในปัจจุบันเมื่อมีกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับการ ประกันภัย ทางทะเล ศาลยุติธรรมไทยต้องอุดช่องว่างของกฎหมายตามมาตรา 4 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยนำพระราชบัญญัติการ ประกันภัย ทางทะเล ค.ศ.1906 ของประเทศอังกฤษ ในฐานะหลักกฎหมายทั่วไปมาใช้ในการวินิจฉัยข้อพิพาท เกี่ยวกับสัญญา ประกันภัย ทางทะเลที่ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงสมควรที่ประเทศไทยจะมีกฎหมายว่าด้วยการ ประกันภัย ทางทะเล ที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากลเพื่อบังคับใช้เป็นการเฉพาะต่อไป
ที่มา : คปภ.