ข่าวการปิดกิจการบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด ปฏิกิริยาของคนในวงการ ประกันภัย แค่อื้อหือ ขณะที่สาธารณชนคนทั่วไป แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการปิดกิจการ ทั้งๆ ที่มูลเหตุหลักของคำสั่งปิดกิจการนั้น แตกต่างไปกว่าข้อหาของบริษัทอื่นๆ ที่ถูกสั่งปิดไปก่อนหน้า ด้วยข้อหาขาดสภาพคล่อง จนต้องถูกสั่งระงับ ประกันภัย และเจอคำสั่งปิดกิจการไปในที่สุด

แต่บริษัท ส่งเสริมประกันภัย กลับเจอข้อหาแนวใหม่คือ ไม่มีระบบควบคุมการจำหน่าย ประกันภัย พ.ร.บ. ระบบบัญชีควบคุมไม่ได้มาตรฐาน และผู้ตรวจสอบบัญชีไม่รับรองงบการเงิน ส่วนประเด็นการขาดสภาพคล่องทางการเงินยังไม่ได้กล่าวหา เพราะเหตุที่ไม่ได้กล่าวหา เป็นผลมาจากไม่สามารถประเมินฐานะการเงินได้ เนื่องจากบริษัทไม่ส่งเอกสารทางการเงิน

แล้วก่อนหน้านั้นคปภ.มีระบบตรวจสอบ ว่าถึงขั้นสัญญาณเตือนไฟเขียว ไฟแดง ไฟส้ม ไฟเหลือง แต่แค่เอกสารทางการเงินที่ต้องส่งให้ตรวจสอบตามวาระปกติอยู่แล้ว ไม่เคยมีส่งกันมาก่อนเลย หรือว่าส่งแล้วไม่เคยตรวจสอบ ต่อเมื่อต้องสอบฐานะการเงินอย่างจริงจัง จึงต้องขอเรียกเอกสารดู ฝั่งบริษัทคงรู้แกว และยอมจำนนรับชะตากรรม จึงไม่ส่งเอกสารไปให้

เพื่อความบริสุทธิ์ สำนักงานคปภ. ต้องแจ้งเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ปลอมแปลงเอกสารทางบัญชี ตบตาเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เรื่องของระบบการตรวจสอบฐานะการเงิน มันมีรายละเอียดขั้นตอนหยุมหยิมมากมาย แถมต้องทำไปตามมาตรฐานใหม่ มาตรฐานระบบตรวจสอบสถาบันการเงินระดับโลก จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจถึงกระบวนการ

ดังนั้น ในข้อเท็จจริงไม่ควรไปสงสัยว่า สำนักงานคปภ. ทำงานกันอย่างไร เพราะเมื่อวัดผลตอนสุดท้ายแล้ว ต้องบอกว่าระบบการควบคุมการกำกับดูแลในปัจจุบันดีเยี่ยม ข้อหาหรือมูลเหตุที่ต้องสั่งปิดกิจการในอดีตนั้น กว่าจะสั่งปิดกิจการกันได้ ต้องเปิดโอกาสให้ดิ้นหาเงินมาเสริมสภาพคล่อง (ดูอย่างบริษัทฟินันซ่า เปิดโอกาสให้มากว่า 3 ปีแล้ว)

อุปมาอุปไมยได้ว่า ในอดีตนั้นเปรียบเสมือนเป็นผีเข้าป่าช้า แล้วต้องเผาสถานเดียว แต่รายล่าสุดกลับไม่เป็นอย่างนั้น ขนาดยังไม่ทันตาย แค่เอกซเรย์ตรวจโรคด เห็นว่าเป็นมะเร็งตายแน่นอน จึงฉีดยาให้ตายต่อหน้าไปซะเลย

มันจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ว่าทำไมปฏิกิริยาสนองกลับของคนในวงการ ประกันภัย ไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาวอะไรกันเลย หรือว่ารู้จริงเห็นแจ้งว่าตามระบบการตรวจสอบของคปภ. ที่วางมาตรฐานใหม่เอาไว้ จึงทำให้ผู้คนในวงการ ประกันภัย สามารถประเมินไว้ล่วงหน้ากันได้เลยว่า บริษัทส่งเสริม ประกันภัย ต้องถูกประหารในขั้นตอนไหน

อย่างนี้ในใจคงประเมินไว้หลายราย และเรียงลำดับไว้ชัดเจนว่ารายต่อๆ ไป คือบริษัทไหน แล้วต่อไปจะเป็นบริษัทใด ในมุมมองจะต้องมีรายต่อไปแน่นอน เพราะฐานะการเงินของบริษัท ประกันภัย กว่าครึ่งปริ่มน้ำทั้งนั้น แต่คงมองต่างไปกว่าคนอื่นๆ ตรงที่ให้ความสนใจปฏิกิริยาสนองกลับ ต่อคำสั่งปิดกิจการมากกว่า เพราะถ้าเงียบฉี่อย่างนี้ เท่ากับเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสำนักงานคปภ. ทำให้เกิดความกล้าที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ในการปิดกิจการบริษัท ประกันภัย ใดบริษัทหนึ่ง ดังเช่นส่งเสริม ประกันภัย ขนาดยังไม่รู้แจ้งเห็นชัด ว่ามีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่แค่ออกอาการว่าจะมี ก็โดนฟันซะแล้ว เรื่องอย่างนี้ถ้าเป็นในอดีต หวั่นไหวสารพัดว่าปิดกิจการแล้ว ผู้เอา ประกันภัย จะเดือดร้อน ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรม ประกันภัย ต่อเมื่อปิดแล้วเสียงสะท้อนกลับเงียบฉี่ จึงกล้าฟันธง รายต่อไปมีแน่นอน

ที่มา : สยามธุรกิจ