ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

‘วิริยะประกันภัย’ ชูธงฯ ทำตลาดรายย่อย สร้างคนรับเติบโตเฟสสอง

กระจายความเสี่ยงที่ดี ทำให้ไม่เจอภัยสะสมเหมือนกับที่บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่เจอกัน บริการอย่างสม่ำเสมอและเป็นธรรม เป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของบริษัท

‘วิริยะประกันภัย’ ชูธงฯ ทำตลาดรายย่อย สร้างคนรับเติบโตเฟสสอง

กันยายน
3

ดีกรีค่ายประกันวินาศภัยเบอร์หนึ่งของประเทศ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ขยับตัว ปรับแผนธุรกิจ ไปโฟกัสจุดใดมักถูกจับตามองจากทั้งวงการ ประกันภัยไม่ใช่รถยนต์ (นอน มอเตอร์) เป็นธุรกิจที่วิริยะฯ ประกาศบุกชัดเจนมาหลายปี บริษัทยังยึดแผนธุรกิจ เดิมที่มีการวางล่วงหน้าระยะ 5 ปี เริ่มมาได้ 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 25-30% ในปีนี้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัย นอน มอเตอร์ 2,233 ล้านบาท เติบโต 27-28% อยู่ใน 10 อันดับของตลาด ซึ่งเบี้ยประกันดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 9% ของเบี้ยรับรวม 25,000 ล้านบาท ที่เป็นเป้าหมายในปีนี้เทียบกับ 6 ปีก่อนมีสัดส่วนแค่ 4%

โดยครึ่งปีแรกมีเบี้ยประกันภัย นอน มอเตอร์ 1,116.47 ล้านบาท เติบโต 27.60% ส่วนใหญ่มาจากประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่เติบโตมาก โดยเฉพาะประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ขยายตัวถึง 51.74% ประกันภัยด้านการเงินและค้ำประกันเป็นการประกันภัยสินเชื่อ ขยายตัว 75.13% ประกันภัยวิศวกรรม ขยายตัว 64.3% ประกันภัยโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ขยายตัว 42.40% ประกันภัยทรัพย์สินขยายตัว 19.40% ส่วนประกันภัยสุขภาพติดลบ 11.18% เบี้ยประกันภัยหายไปประมาณ 10 ล้านบาท เพราะน้ำท่วมมีผลกระทบต่อลูกค้ารายย่อยที่เป็นลูกค้าหลัก ประกันภัยกลุ่มความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ขยายตัวเพียง 0.33% เนื่องจากระมัดระวังในการรับประกันภัยข้าวติดลบ 100% เนื่องจากไม่ได้รับประกันภัยต่อรอบใหม่ สำหรับอัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) เฉลี่ยประมาณ 50% ไม่สูง เพราะประกันภัยหลายประเภท เช่น อัคคีภัยสินไหมต่ำประมาณ 20% ขณะที่อัตราต่ออายุประมาณ 80%

ทิศทางการขยายธุรกิจ นอน มอเตอร์ จะมุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจากเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี ทำให้ไม่เจอภัยสะสมเหมือนกับที่บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่เจอกันอยู่ในขณะนี้ เป็นผลมาจากน้ำท่วมปีก่อน ส่วนลูกค้ารายใหญ่ประเภทอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ยังคงต้องให้บริการอยู่เพื่อรองรับงานของตัวแทน เพราะการให้บริการอย่างสม่ำเสมอและเป็นธรรม เป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของบริษัท โดยลูกค้ารายใหญ่ต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยง จัดหาประกันภัยให้เหมาะสม ดูแลใกล้ชิด เช่น เข้าไปช่วยสำรวจความเสี่ยงภัย เป็นต้น

“เราเน้นขยายลูกค้ารายย่อย อย่างรถยนต์เรามีลูกค้า 4 ล้านกรมธรรม์ เป็นรายย่อยหมด นอน มอเตอร์ ประมาณ 1 ล้านกรมธรรม์ อย่างอัคคีภัยมีอยู่ 70,000 กรมธรรม์ เป็นบ้านอยู่อาศัย 50,000 กรมธรรม์ การทำรายย่อยทำให้ปีก่อนเรามีกำไร และเชื่อว่าปีนี้ประกันภัยนอน มอเตอร์ยังมีกำไร อาจจะใกล้เคียงช่วงก่อนน้ำท่วม เนื่องจากการกระจายความเสี่ยง ด้วยการขยายลูกค้ารายย่อยมากขึ้น จึงไม่ได้รับผลกระทบมาก เรากระจายไปทุกสินค้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ประกันภัยทรัพย์สินกำไรน้อยลงเหมือนกันทั้งระบบ เพราะบริษัทประกันภัยต่อลดค่าคอมมิสชั่นลง”

รองกรรมการผู้จัดการวิริยะเสริมอีกว่า ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ การเติบโตของบริษัทในปีนี้เป็นขั้นแรก โดยขั้นที่สองจะเริ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าอาจจะดูไกล เพราะต้องมีการวางโครงสร้างใหม่ ต้องสร้างคนให้พร้อม สร้างระบบงาน ระบบสินไหมและการตลาดรองรับการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะคนเป็นหัวใจสำคัญต้องใช้เวลา เพราะไม่ได้ซื้อ ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด เป็นช่วงที่ต้องลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาลงทุนด้านบุคลากรค่อนข้างมาก เพราะเป็นเรื่องของการให้บริการลูกค้าโดยตรง ปัจจุบันมีพนักงานถึง 4,200 คน มากที่สุดในอุตสาหกรรมหรือไม่ ตอบยากต้องเทียบจากขนาดเบี้ยประกันภัยของแต่ละบริษัท อย่างวิริยะ เฉลี่ย 1 คน สามารถผลิตเบี้ยประกันภัยได้ 5 ล้านบาท

มุมมองถึงภาพรวมตลาดประกันภัยนอน มอเตอร์ในช่วงครึ่งปีหลัง คงได้อานิสงส์จาก 2-3 เรื่อง ได้แก่ 1. ผลจากน้ำท่วมทำให้ราคาเบี้ยประกันภัยภัยธรรมชาติขยับขึ้น ส่งผลถึงประกันภัยทรัพย์สิน 2. รถยนต์ได้อานิสงส์จากโครงการรถคันแรก และ 3. ประชาชนตระหนักและเข้าใจประกันภัยมากขึ้น ภาพพจน์ประกันภัยช่วงหลังดีขึ้น น้ำท่วมลูกค้ารายย่อยได้รับค่าสินไหมเร็ว โดยประกันภัยที่จะขยายตัวดี เช่น ประกันภัยสุขภาพระยะยาวจะเติบโตมาก เนื่องจากไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกับทั่วโลก ความต้องการมีมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงจากการที่คนอายุยืนขึ้นต้องจ่ายมากขึ้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากโรคระบาด อาจจะมีการสะสมของภัย ยิ่งมีลูกค้ารายย่อยมากต้องดูตรงจุดนี้

ที่มา : สยามธุรกิจ