โดย ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 13 ตุลาคม 2554 เวลา 10:56 น.
เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยสถานการณ์ด้านการประกันภัย ในพื้นที่อุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศขณะนี้ว่า
ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. ในส่วนภูมิภาคและภาคธุรกิจประกันภัย เกี่ยวกับบริษัทประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้แก่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ปทุมธานี และนนทบุรี มีจำนวนทั้งสิ้น 179 สาขา แบ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต 90 สาขา และบริษัทประกันวินาศภัย 89 สาขา โดยปิดทำการชั่วคราวไปเพียง 16 สาขา เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง โดยสาขาบริษัทส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหาย เพื่อเตรียมการชดใช้ภายหลังหลังน้ำลด
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ.ได้สำรวจข้อมูลการทำประกันภัย ของนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงภัย คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรม Hi-Tech นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี่ และนิคมอุตสาหกรรม นวนคร พบว่านิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนเงินเอาประกันภัยรวมทั้งสิ้น 410,177 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพียงร้อยละ 2.66 ของจำนวนเงินเอาประกันภัย การประกันภัยทรัพย์สินของทั้งธุรกิจ
ในเบื้องต้นคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการท่วมขังของน้ำ โดยบริษัทที่รับประกันภัยในนิคมอุตสาหกรรมสูงสุด 2 ลำดับแรก ได้แก่ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด และบริษัท สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนโยบายการชดใช้ความเสียหายด้วยความรวดเร็ว และยังคงดูแลกลุ่มลูกค้าดังกล่าวต่อไป
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าสำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย มีแผนรองรับการดำเนินธุรกิจและระบบงานที่สำคัญต่างๆ เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินและผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยมีการสำรองข้อมูลของผู้เอาประกันภัย และกำหนดระยะเวลา การกลับมาดำเนินการตามปกติของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใน 12 – 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นดูแลด้านระบบสินไหมทดแทนเป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามสำนักงาน คปภ.ได้ติดตามการประเมินความเสียหาย และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัย รวมถึงเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมีความมั่นใจว่า ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย สามารถเข้ามาช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากได้มีเตรียมการรองรับ รวมถึงมีการสำรองเงินกองทุน เพื่อเป็นค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยขอให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่ามีความคุ้มครองใดบ้าง และแจ้งบริษัทประกันภัยโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อไป หากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ