ไมโครอินชัวรันส์ หรือ ประกันภัย เพื่อรายย่อย เป็นสินค้าหลักที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) หมายมั่นให้บริษัท ประกันภัย ออกมาขาย คนไทยในระดับล่าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้แรงงาน แม่ค้า หาบเร่ ชาวไร่ชาวนา ฯลฯ เพื่อให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าถึงระบบ ประกันภัย มากขึ้น แต่เป้าหมายแท้จริงมากกว่านั้น คือ ต้องการให้คนไทยมี ประกันภัย พีเอเป็นความคุ้มครองพื้นฐาน เห็นได้จากการผลักดันไมโครอินชัวรันส์ตัวแรก คือ " ประกันภัย 200" ซึ่งเป็น ประกันภัย พีเอออกขาย

เป้าจริงเพิ่มยอด ประกันภัย "พีเอ" ฝั่งวินาศภัย / ใช้ " ประกันภัย 200" ช่วยกระทุ้ง

"เป้าหมายจริงๆ คืออยากให้ ประกันภัย 200 ความเสี่ยงกระจาย ต้องมียอดขายเป็นหลักล้านกรมธรรม์ แต่ถ้าทำได้ไม่ถึง อยากจะให้เป็นตัวกระตุ้น ประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) เพิ่มมากขึ้น เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เป็นเป้าหมายที่คปภ.อยากให้เกิด"

เลขาธิการ คปภ.ให้ความเห็นพร้อมอธิบายว่า อยากให้สัดส่วนเบี้ย ประกันภัย พีเอในธุรกิจ ประกันภัย เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะประกันวินาศภัย ซึ่งปีนี้จะมีเบี้ย ประกันภัย 200,000 ล้านบาท โดย 60% มาจาก ประกันภัยรถยนต์ อีก 20% มาจากประกันอัคคีภัย และ ประกันภัย ทรัพย์สิน (IAR) ขณะที่ ประกันภัย อุบัติเหตุมีสัดส่วนนิดเดียว ทั้งที่เป็นสวัสดิภาพขั้นต่ำของประชาชน สะท้อนประชาชนให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตน้อยมาก

"อยากให้ ประกันภัย อุบัติเหตุมีสัดส่วนสูงขึ้น ผ่านการกระตุ้นของ ประกันภัย 200 ถ้าถึงสิ้นปีขายได้ 300,000 กรมธรรม์เราก็แฮปปี้แล้ว โดย ประกันภัย 200 จะเป็นตัวกระตุ้นให้คนรู้จักแบบ ประกันภัย ตัวอื่น คนขาย ตัวแทน นายหน้า สามารถนำเสนอสินค้าอื่นๆ ให้กับลูกค้าได้"

พีอาร์ต่อเนื่อง-ช่องขายเยอะซื้อง่าย / หนุนไมโครฯ อยู่ยาว 1 ปีรีวิวใหม่

การผลักดัน ประกันภัย 200 จุดสำคัญอยู่ที่กระบวนการประชาสัมพันธ์ ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งยอดขายตอนแรกยังวัดไม่ได้ ต้องผ่านไประยะ ถ้าถึงสิ้นปีนี้แล้วยอดขายไม่มาก จะทำเต็มที่ในปีหน้าทั้งปี เพื่อปลูกฝังประชาชนให้เข้าใจไมโครอินชัวรันส์ และไม่คิดว่าจะขาดทุน ถ้ามีประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง มีการกระจายความเสี่ยง มีต้นทุนต่ำ ระบบการเคลมที่มีประสิทธิภาพผ่านทุกบริษัท รวมถึงบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ที่จะทำหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์ เชื่อว่าน่าจะอยู่ได้ และเมื่อครบ 1 ปีก็จะรีวิวอีกครั้ง

"เราพยายามสร้างระบบ ประกันภัย ต่างจากของเดิมในอดีต การประชาสัมพันธ์ต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่ครั้งเดียว เพราะไมโครอินชัวรันส์เป็นสิ่งต้องปลูกฝังให้กับรากหญ้า เป็นความคุ้มครองพื้นฐานที่คนระดับล่าง อาทิผู้ใช้แรงงาน แม่ค้า หาบเร่ ควรจะมี ดังนั้นต้องมีช่องทางจำหน่ายที่ให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงง่าย เช่น ห้างฯ และร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น, เทสโก้ โลตัส เป็นต้น"

อย่างไรก็ดี เหตุที่ต้องเลื่อนเปิดขาย ประกันภัย 200 ออกไปจากกำหนดเดิม 5 กันยายน 2556 เพราะต้องการเตรียมทุกอย่างให้พร้อม โดยเป้าหมายอยากให้ ประกันภัย 200 อยู่ระยะยาว จึงต้องขยายช่องขายให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย โดยกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการให้เปิดขายผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจด้วย ขณะที่บริษัท ประกันภัย แจ้งความประสงค์จะขายแบบ ประกันภัย นี้รวม 48 บริษัท เป็นบริษัทประกันชีวิต 11 บริษัท และบริษัทประกันวินาศภัย 37 บริษัท ซึ่งบางบริษัทเริ่มเตรียมการขายแล้ว เช่น บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต เริ่มทดสอบระบบให้ลูกค้าลงทะเบียนซื้อผ่านเว็บไซต์บริษัทได้

ทั้งนี้ ประกันภัย 200 คุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุวงเงิน 100,000 บาท หากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากถูกฆาตกรรม ลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือจากขณะขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครองวงเงิน 50,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย 10,000 บาท แต่หากเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 120 วันหลังเริ่มทำ ประกันภัย จะไม่ได้เงินชดเชย เปิดรับผู้ ประกันภัย อายุ 20-60 ปี และสามารถซื้อได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์

สำหรับยอดขาย ประกันภัย พีเอของประกันวินาศภัย จากข้อมูลของ คปภ.พบว่า ในช่วงมกราคม-มิถุนายน2556 มีเบี้ย ประกันภัย 11,160 ล้านบาท เติบโต 11.15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วน 11% ของเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบ

ชู " ประกันภัย กทม." ต้นแบบประกันชีวิต / ผุดไมโครอินชัวรันส์ขายทั่วไทย

ส่วนฝั่งประกันชีวิตนั้น ยอดขาย ประกันภัย พีเอเติบโตขึ้นมากหลังน้ำท่วม โดยยอดขายในช่วงมกราคม-กรกฎาคม 2556 มีจำนวน 1.205 ล้านกรมธรรม์แล้ว เติบโต 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นเบี้ย ประกันภัย รวม 3,499 ล้านบาท เติบโต 7%

ทั้งนี้สิ่งที่ คปภ.ต้องการผลักดัน คือ การกระตุ้นให้บริษัทประกันชีวิต ออกแบบ ประกันภัย ไมโครอินชัวรันส์มาขายมากขึ้น โดยจะนำแบบ ประกันภัย ที่สมาคมประกันชีวิตไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาขายในโครงการ "ประกันชีวิตเพื่อการออมคุ้มครองชีวิตพอเพียง" ซึ่งถือเป็นไมโครอินชัวรันส์รูปแบบหนึ่ง มาเป็นโมเดลให้บริษัทประกันชีวิตออกแบบสินค้าในลักษณะนี้ออกมาขายทั่วประเทศ เพื่อให้มีแบบ ประกันภัย ไมโครอินชัวรันส์ ให้เลือกซื้อหลากหลายมากขึ้น

"กรมธรรม์นี้ถือว่ารูปลักษณ์ใช้ได้ แต่เนื่องจากเป็นโครงการร่วมมือกับ กทม. จึงต้องขายใน กทม.ก่อน และ คปภ.จะนำไปเป็นโมเดลกระตุ้นให้บริษัทประกันชีวิตรายอื่นๆ ได้ออกแบบ ประกันภัย ไมโครอินชัวรันส์มาขายมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้เข้าถึง ประกันภัย มากขึ้น"

สำหรับโครงการประกันชีวิตเพื่อการออมคุ้มครองชีวิตพอเพียง มี 2 บริษัทเข้าร่วม คือ บมจ.ไทยประกันชีวิต ใช้ชื่อแบบประกัน ไทยประกันชีวิตยิ้มมากกว่า และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ใช้ชื่อว่าเมืองไทยยิ้มแฉ่ง โดยทั้ง 2 แบบจ่ายเบี้ย ประกันภัย เดือนละ 500 บาท เท่ากันทุกเพศทุกวัย มีระยะเวลาชำระเบี้ยและคุ้มครอง 20 ปี ทุก 5 ปีมีเงินคืน 8% ของทุน ประกันภัย เริ่มต้นมีเงินชดเชยรายได้ กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลวันละ 500 บาท สูงสุด 365 วัน กรณีเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 100,000 บาท ครบสัญญารับ 150% ของทุน ประกันภัย เริ่มต้น สามารถซื้อได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์ รับอายุ 0-55 ปี

ที่มา : สยามธุรกิจ