ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการ ประกันภัย พิบัติเปิดเผยว่า กองทุนฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถชดเชยค่าสินไหมทดแทน ประกันภัย ได้ทั้งหมด หากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือลมพายุ เช่น น้ำท่วม กองทุนฯ จ่ายค่าสินไหมทดแทน ประกันภัย ตามความสูงของระดับน้ำท่วมจากพื้นอาคาร โดยน้ำสูง 50 ซม.ได้รับความคุ้มครอง 50% ของวงเงินการจำกัดความรับผิดน้ำสูง 75 ซม.จากพื้นอาคาร จะได้รับความคุ้มครอง 75% และเกิน 100 ซม.จากพื้นอาคาร จะได้รับความคุ้มครองเต็มวงเงินของการจำกัดความรับผิด แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท
"แม้สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในขณะนี้ ยังไม่ถือว่าเข้าข่ายลักษณะความรุนแรงถึงขั้นเป็นภัยพิบัติ แต่ประชาชนและภาคธุรกิจ จะต้อง ประกันภัย ความเสี่ยงล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน ซึ่งกองทุนฯ คิดอัตราค่าเบี้ย ประกันภัย ในอัตรา 0.5-1.25% ต่อปี ส่วนการจะจ่ายค่าสินไหมได้นั้น กระทรวงมหาดไทยต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติก่อน"
ที่มา : อาร์วายทีไนน์