ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

อาฟเตอร์ช็อก ล้อมคอก "ผู้รับ ประกันภัย ต่อ" เล็งจับขึ้นทะเบียน

การออกกฎ เพราะน้ำท่วมสะท้อนธุรกิจ ประกันภัยไทย ไม่มีความสามารถที่จะรับความเสี่ยงทั้งหมด ประกันภัย ต่อต้องได้มืออาชีพเข้ามา

อาฟเตอร์ช็อก ล้อมคอก "ผู้รับ ประกันภัย ต่อ" เล็งจับขึ้นทะเบียน

กันยายน
10

ค่าสินไหมทดแทนก้อนใหญ่กว่า 4.3 แสนล้านบาท จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ยังคงพ่นพิษใส่ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยเป็นระยะ ล่าสุดกับปัญหาผู้รับ ประกันภัย ต่อ หรือรีอินชัวเรอส์ต่างประเทศบางราย เจอวิกฤติด้านฐานะการเงินกระทบการจ่ายสินไหมในไทย ดั่งเช่น "เบสท์รี" ที่รับ ประกันภัย ต่อในไทยมากเป็นอันดับสอง ที่ขอต่อรองจ่ายสินไหมน้ำท่วมไทยแค่ 50% ของยอดสินไหมทั้งหมด หรือ "เอเชียนรี" ที่กำลังดิ้นเพิ่มทุน หากเพิ่มทุนไม่ได้จะกระทบถึงการจ่ายสินไหมเช่นกัน

"เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นว่าเราพึ่งพาบริษัท ประกันภัย ต่อต่างประเทศมาก เมื่อเขามีปัญหากระทบมาถึงบริษัท ประกันภัย ของเรา ตอนนี้ คปภ. กำลังศึกษาตลาด ประกันภัย ต่อของเรา เพื่อวางแนวทางการกำกับดูแลผู้รับ ประกันภัย ต่อที่จะเข้ามาทำธุรกิจในไทยในอนาคต โดยจะดูทั้งกฎเดิมที่มีอยู่ และแนวทางสากลที่แต่ละประเทศใช้อยู่เป็นอย่างไร จะต้องวางกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มหรือไม่" เลขาธิการ คปภ. กล่าว

เล็งจับขึ้นทะเบียนกับ คปภ. / ใครเกเรถอนชื่อ-สร้างภูมิคุ้มกัน

กฎใหม่ๆ ที่จะวางเพิ่ม สมมติจะให้ผู้รับ ประกันภัย ต่อที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย ต้องขึ้นทะเบียนกับ คปภ.หรือไม่ หรือวางหนังสือค้ำประกันหรือไม่เป็นแค่สมมติ เป็นแนวทางควบคุมคุณสมบัติผู้รับ ประกันภัย ต่อให้มีมาตรฐาน หากเกเรหรือมีปัญหาในการจ่ายสินไหมทดแทน จะถูกลงโทษ ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนผู้รับ ประกันภัย ต่อเป็นต้น

การออกกฎควบคุมรีอินชัวเรอส์ แม้ไม่มีกรณีเบสท์รีก็ต้องทำ เพราะน้ำท่วมสะท้อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ไม่มีความสามารถที่จะรับความเสี่ยงทั้งหมดได้ต้องอาศัย ประกันภัย ต่อ ต้องได้มืออาชีพเข้ามา ถ้าเป็นมืออาชีพการถูกถอนชื่อออกจากทะเบียน เป็นเรื่องที่เขาต้องกังวล เพราะเสียหน้า ซึ่งปัจจุบัน คปภ. กำกับแค่อันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ผู้รับ ประกันภัย ต่อ ไม่ให้ต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ หรือไม่ต่ำกว่า BBB บริษัท ประกันภัย จึงจะทำธุรกิจด้วยได้

"นี่เป็นแผนระยะยาวที่เราจะทำ อยู่ระหว่างสำรวจกฎของหลายประเทศ การขึ้นทะเบียนกับ คปภ.อาจจะเป็นขั้นต่ำเพื่อให้คนรู้ รีอินชัวเรอส์ไม่เดือดร้อนมาก ส่วนจะไปถึงขั้นมีหนังสือค้ำประกันหรือไม่ ยังไม่รู้ มีหลายระดับน่าจะเสร็จกลางปีหน้า เราไม่อยากออกกฎอะไรมาก กลัวจะกระทบกับบริษัท ประกันภัย กับผู้รับ ประกันภัย ต่อ แต่วิธีนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันอีกชั้น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท ประกันภัย และอุตสาหกรรม"

ผนึกหน่วยงานกำกับ ตปท.ช่วยคุม / เหยื่อน้ำท่วมเฮ จ่ายแล้ว 3 แสนล้าน

นอกจากนี้ เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ยังมีความร่วมมือระดับหน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศ อย่างเกาหลีใต้ มาเลเซีย อย่างกรณีของเบสท์รี ที่มีสำนักงานภูมิภาคในมาเลเซีย มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ โดยกรณีเบสท์รี ทาง คปภ.กำลังติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัท ประกันภัย แต่ละแห่งที่มีสัญญากับเขา มีหลายสิบบริษัท ดูความเพียงพอของเงินกองทุน ต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนด หากไม่เพียงพอพร้อมที่จะให้ใช้อำนาจทางกฎหมาย ส่วนความคืบหน้าการจ่ายสินไหมน้ำท่วม ขณะนี้บริษัท ประกันภัย จ่ายแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท หรือประมาณ 83-84% ของยอดรวมกว่า 4.3 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือคงลากยาวไปถึงปีหน้า

เอกชนชี้คุมเยอะ รีอินชัวเรอส์ถอย / ย้ำไทยพึ่ง ตปท.เยอะ ต้องเสรี

ประเด็นการออกกฎคุมผู้รับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาบริษัท ประกันภัย เป็นฝ่ายพึ่งพาผู้รับ ประกันภัย ต่อมากกว่า โดยส่ง ประกันภัย ต่อ ประกันภัย ทรัพย์สินให้เกินครึ่งของทั้งระบบ หากมีการตั้งกฎเกณฑ์มากเกินไป จะทำให้บริษัท ประกันภัย หาผู้รับ ประกันภัย ต่อยากขึ้น เพราะในมุมของผู้รับ ประกันภัย ต่อ ราคาเบี้ย ประกันภัย ในไทยต่ำมากไม่คุ้ม มาเจอเงื่อนไขมากขึ้นอีก อาจจะทำให้ถอนตัวออกไป เกิดปัญหาขาดแคลนผู้รับ ประกันภัย ต่อ

"น้ำท่วมต้องมีกฎเกิดขึ้นบ้าง แต่ต้องรอบคอบ ปัญหาเรื่องผู้รับ ประกันภัย ต่อยังไม่ชัด ตอนนี้มีแค่ 2 รายคือ เบสท์รีและ เอเชียนรี โดยเอเชียนรียังอยู่ในกระบวนการเพิ่มทุน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่จบ ปัญหาจริงๆ ในบ้านเราคือ เบี้ยถูก ที่ผ่านมาไอเออาร์มีเคลมตลอดแม้ไม่เจอน้ำท่วม อัตราเบี้ยในตอนนี้ไม่ทำให้รีอินชัวเรอส์ไม่มีกำไร เขามองไม่คุ้ม พอมีตัวแปรจากกฎใหม่ๆ ที่จะเพิ่มอีก อาจจะทำให้ถอนตัวออกไป"

สำหรับกรณีเบสท์รี กล่าวว่า ยอดสินไหมทั้งหมดของเบสท์รีประมาณ 6,000 ล้านบาท การขอจ่ายแค่ครึ่งเดียวเท่ากับสินไหม 3,000 ล้านบาท จะเป็นหนี้สูญ กระทบกับเงินกองทุน ต้องมีภาระตั้งสำรองเพิ่ม ส่วนจะกระทบมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

ด้านประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการตั้งกฎควบคุมผู้รับ ประกันภัย ต่อทำยาก จะคุมอย่างไร เรื่อง ประกันภัย ต่อควรจะให้ปล่อยเสรี ปัจจุบัน คปภ.คุมเครดิตเรตติ้งไม่ให้ต่ำกว่า BBB แต่เบสท์รีได้ A- มากกว่า 2 ขั้น ฐานะการเงินใช้ได้ แต่ไม่มีใครคิดว่าน้ำท่วมจะเสียหายมากขนาดนี้ ไม่ได้เผื่อไว้ฐานะการเงินผู้รับ ประกันภัย ต่อ แต่พอภัยพิบัติทั่วโลกในช่วงปี 2553-2554 อาจจะทำให้มีปัญหาได้

"ในทางธุรกิจ บริษัท ประกันภัย แต่ละแห่งมีความสามารถที่จะวิเคราะห์ฐานะการเงินผู้รับ ประกันภัย ต่อได้ โดยดูจากตัวผลฐานะการเงิน และฟังชื่อเสียงจากในตลาด ซึ่งจะรู้มากกว่าทางการ ว่าเขาเป็นอย่างไร เราต้องอาศัยผู้รับ ประกันภัย ต่อ ไม่ใช่เขาอาศัยเรา"

บริษัทมีค่าสินไหมที่ต้องเรียกคืนจากเบสท์รี 800 ล้านบาท เขาขอจ่ายแค่ 50% กำลังเจรจาต่อรองกันอยู่ แต่มีแนวโน้มที่ยอมรับแค่ 50% ไม่งั้นอาจจะได้น้อยกว่านี้ เพราะเบสท์รีกำลังเจอปัญหากรมการ ประกันภัย ที่มาเลเซีย จะถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของเขา เพราะเงินกองทุนไม่ครบถ้วน หากเขาไม่สามารถตกลงกับบริษัท ประกันภัย ไทย ยอมลดหนี้สินค่าสินไหมค้างจ่ายลงมาได้ ซึ่งจะทำให้หนี้สินลดลง เพราะหากเป็นเช่นนั้นกองทุนจะไม่ติดลบ

"กรณีเบสท์รีอีกครึ่ง ต้องตัดเป็นหนี้เสียทุกบริษัทที่มีสัญญากับเขา กระทบหมด มากน้อยต่างกัน จะเป็นความกดดันใหม่ที่ทำให้ต้องเพิ่มทุน, ควบรวมกิจการ หรือขายบริษัท ประกันภัย ผมคิดว่าจะเห็นการควบรวมมากที่สุด"

ที่มา : สยามธุรกิจ