ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ทุนฮ่องกง "พีซีจี" พร้อมลุย ประกันภัย ไทย อัดฉีดเต็มที่ จองติดท็อปไฟว์

เป้าหมายผลักดัน้บริษัทขึ้นติดท็อปไฟว์ บริษัทที่มีเบี้ย ประกันภัย ใหม่สูงสุด ของธุรกิจประกันชีวิตไทย

ทุนฮ่องกง "พีซีจี" พร้อมลุย ประกันภัย ไทย อัดฉีดเต็มที่ จองติดท็อปไฟว์

มิถุนายน
14

หลังกระบวนการซื้อกิจการ "ไอเอ็นจีประกันชีวิต" ในประเทศไทยแล้วเสร็จตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ถึงเวลาที่เจ้าของใหม่อย่าง "แปซิฟิค เซ็นจูรี่ กรุ๊ป" หรือพีซีจี เปิดตัว "ซีอีโอ" ที่จะมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน อดีตซีอีโอกรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต ที่วันนี้จะต้องเริ่มต้นสร้างองค์กรใหม่ให้เติบโต เหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต

สัญญา 5 ปีดัน "ไอเอ็นจี" โต เป้าติดท็อปไฟว์ประกันชีวิตไทย

"ผมมีสัญญากับทางพีซีจีเป็นเวลา 5 ปี ในการนำพาไอเอ็นจีฯ ให้บรรลุเป้าหมายที่ทางพีซีจีต้องการได้ ซึ่งเชื่อว่าทางพีซีจีเองก็มีวิสัยทัศน์ ในการสรรหาผู้บริหารที่จะมาทำงานเป็นอย่างดี และจริงจังในการกลับมาทำธุรกิจประกันชีวิตในครั้งนี้ ขณะเดียวกันพีซีจีก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือของยุโรป เพราะโฟกัสธุรกิจเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกเท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าจะดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในไทยอย่างแท้จริง"

การมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยภายใน 5 ปีนี้ มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้บริษัทฯ ขึ้นไปติดท็อปไฟว์ หรือ 1 ใน 5 บริษัทประกันชีวิต ที่มีเบี้ย ประกันภัย ใหม่สูงสุดของธุรกิจประกันชีวิตไทยให้ได้ จากปัจจุบันอยู่อันดับ 9 ของธุรกิจ

ยันสัมพันธ์ทีเอ็มบีชื่นมื่น แบงก์แอสชัวรันส์หัวหอกไต่อันดับ

ทั้งนี้การจะติดท็อปไฟว์ให้ได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยช่องทางการขายที่เติบโตเร็วมากๆ อย่างช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งยืนยันว่าสายสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ กับธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) ยังเป็นไปด้วยดี การที่พีซีจีเข้ามาไม่มีผลต่องานที่ทำร่วมกันอยู่ และสัญญาการเป็นพันธมิตรกับรายเดิมที่ผูกกันไว้เป็นเวลา 10 ปี ก็ยังเหลือเวลาอีกหลายปี ประมาณ 5 ปี ซึ่งทางผู้บริหารของพีซีจีเอง ก็ได้เข้าพบกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารทหารไทยแล้ว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี

"ยืนยันได้ว่าความร่วมมือกับธนาคารทหารไทยดีมาก ซึ่งการจะทำช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เกิดจากว่าใครจะเป็นพันธมิตรกัน แต่มันเกิดจากการสร้างความพึงพอใจให้กับพันธมิตรทั้ง 2 ฝ่ายมากกว่า ซึ่งเราจะทำในลักษณะเสริมซึ่งกันและกัน โดยสัญญาระหว่างเรากับทหารไทยยังมีอีกหลายปี ก็น่าจะทำให้การทำงานระหว่างกัน เป็นที่พึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย และทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้"

ฟุ้งพีซีจีดันสุดลิ่มพร้อมอัดฉีด เร่งทำแผนลุยงาน 3 ช่องทางขาย

แม้ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ จะเป็นช่องทางที่สร้างเบี้ย xitdyo4yp ให้บริษัทมากที่สุดในขณะนี้ โดยในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2556) เบี้ย ประกันภัย ปีแรก (FYP) ของบริษัทที่ทำได้ 699 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 79% มาจากแบงก์แอสชัวรันส์ หรือเป็นเบี้ย ประกันภัย 552 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางตัวแทนทำได้ 96 ล้านบาท หรือ 14% และอีก 50 ล้านบาท หรือ 7% มาจากช่องทางอื่นๆ แต่ยังยืนยันว่า บริษัทฯ และทางพีซีจีเน้นการขยายตลาด ผ่านหลากหลายช่องทางจำหน่าย และให้น้ำหนักความสำคัญกับทุกช่องทางขาย

โดยช่องทางตัวแทน จะเน้นการฝึกอบรม และพัฒนาศักยภาพตัวแทนเป็นหลัก ขณะที่ช่องทางอื่นๆ จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มใหม่ๆ เช่น ล่าสุดได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท กรุงไทยลิสซิ่ง จำกัด (KTBL) ในการประกันชีวิต คุ้มครองสินเชื่อลูกค้าเช่าซื้อ รถยนต์ ซึ่งบริษัทจะมองหาธุรกิจในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อขยายงาน รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย เพื่อสร้างช่องทางขายใหม่ๆ และกลุ่มใหม่ๆ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนขึ้น ขณะที่การเจ็บป่วย และค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการ ประกันภัย สุขภาพ และเกษียณอายุ จะเป็นเป้าหมายหนึ่งในการทำตลาดของบริษัทฯ

"เราจะใช้เวลา 6 เดือน ในการปรับปรุงองค์กรในด้านต่างๆ เพื่อที่จะบอกได้ว่า เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร พร้อมกับจะเร่งทำแผนงาน เพื่อรองรับการขยายงาน 5 ปีที่วางไว้ และเพื่อจะดูว่าจะต้องใช้เม็ดเงินเท่าไร ซึ่งปัจจุบันทุนจดทะเบียนของเราเพียงพอ แต่หากต้องขยายงานในช่วง 5 ปีนี้ เราจำเป็นต้องอัดฉีดเงินเข้ามา และผู้ถือหุ้นของเรา คือ พีซีจีพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพราะต้องการเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิตในเอเชียแปซิฟิกเช่นกัน'

นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังเตรียมที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเมื่อใช้ชื่อใหม่เต็มตัว ก็จะสามารถทำการตลาดใหม่ๆ ได้เต็มที่ เช่น ตลาดช่องทางดิจิตอล เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) ณ 30 เมษายน 2556 ไอเอ็นจีประกันชีวิตมีทุนจดทะเบียน 2,175 ล้านบาท ชำระเต็ม

ที่มา : สยามธุรกิจ