ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการรับ ประกันภัย 4 เดือนที่ผ่านมาว่า มีเบี้ย ประกันภัย รับกว่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับ ประกันภัยรถยนต์ (motor) 60% และการรับ ประกันภัย งานที่ไม่ใช่รถยนต์ (non motor) 40% สะท้อนอัตราการเติบโตน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มรับ ประกันภัยรถยนต์ ด้วยกัน ที่หันมาจับตลาดรถต่ออายุมากขึ้น ขณะที่ไทยศรียังให้น้ำหนัก ประกันภัยรถยนต์ ตลาด รถยนต์ หรูมากขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงที่ลูกค้าอยู่ระหว่างการตัดสินใจ นอกจากนี้ตลาด ประกันภัย อื่นๆ ยังมีคู่แข่งขันกันเพิ่มสูงเช่นกัน โดยเฉพาะ ประกันภัย ทรัพย์สิน ประกันอัคคีภัย เป็นต้น

"ภาพรวมของการรับ ประกันภัย ปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าจะมีเบี้ย ประกันภัย รับรวมอยู่ที่ 2.9 - 3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการรับ ประกันภัย จากบริษัทรับ ประกันภัย ต่อที่เพิ่มขึ้น"

สำหรับทิศทางการรับ ประกันภัย ช่วงไตรมาส 2 และช่วงที่เหลือนั้น ส่วนตัวมั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวได้มากกว่าไตรมาสแรก ซึ่งนอกจากบริษัทปรับแนวการทำตลาดร่วมกับพันธมิตรแล้ว ขณะเดียวกันได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาด ในกลุ่มลูกค้า ประกันภัย ที่ไม่ใช่รถยนต์ (non motor) โดยเน้นให้ลูกค้าหันมาต่อสัญญา ประกันภัย ใหม่ในไตรมาสที่ 3 โดยไม่รอไปทำตลาดในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ไทยศรีมีอัตราการเติบโตสูงในกลางปี และสิ้นปีอย่างแน่นอน

ด้านประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวหลังเข้ามารับตำแหน่งใหม่ว่า บริษัทกำหนดแผนล้างผลขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันประมาณการเติบโต ภายใต้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเอง ไม่มีการควบรวมกิจการ หรือซื้อกิจการนั้น ในระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2560 การรับ ประกันภัย ของบริษัท จะมีเบี้ย ประกันภัย อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท , ปีหน้าอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ปีถัดไปอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท และปีที่ 5 อยู่ที่ 4- 5 พันล้านบาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การเข้ามารับงานตำแหน่งใหม่ครั้งนี้เป็นเรื่องท้าทาย โดยมั่นใจว่าจะนำประสบการณ์ ที่เติบโตมาจากตลาดนัน มอเตอร์ ทำให้เคเอสเคสามารถเติบโต และมีโอกาสกินส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 1 ใน 10 บริษัทประกันวินาศภัยของไทย ประกอบกับความต้องการด้าน ประกันภัย ที่ตลาดเห็นความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะรายย่อยนั้น น่าจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนอัตราการเติบโตของบริษัทอีกด้วย

ส่วนโอกาสการรับประกันภัยรายใหญ่นั้น เนื่องจากบริษัทเคเอสเค มีศักยภาพในการรับเสี่ยงต่อภัยที่ระดับ 1,200 ล้านบาท โดยไม่ผ่านบริษัทรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศ (รี อินชัวเรอร์)

"เรามั่นใจแนวทางการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผนธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตสูง 33% มูลค่าเบี้ย ประกันภัย รับกว่า 300 ล้านบาท และในปีแรกยังคาดหวังจะทำกำไรไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท"

ล่าสุดบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ออกมาระบุว่า ตลาด ประกันภัย ไตรมาสที่ 1 ทั้งระบบมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะ ประกันภัยรถยนต์ ทั้ง รถยนต์ ปีแรกและปีต่ออายุ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจทั้งระบบ เติบโตสูงกว่า 20% ในส่วนของบริษัทเอง กลุ่มที่สร้างเบี้ย ประกันภัย ในระดับสูงในไตรมาสที่ 1 กว่า 20% ยังมาจากการรับ ประกันภัย ทรัพย์สิน ที่ขยายตัวกว่า 20-25% และการ ประกันภัยรถยนต์ ที่ยังคงเติบโตในระดับ 25% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาด

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ