นายกสมาคมวินาศภัย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้หารือกันเพื่อเตรียมเสนอ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขอให้พิจารณาปรับอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ให้สอดคล้องกับอัตราค่าสินไหมที่เกิดขึ้นจากการซ่อมแซม และจ่ายค่าอะไหล่ของรถยนต์ในแต่ละประเภท แทนการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ตามราคารถ โดยเฉพาะในส่วนของรถยนต์คันแรก
ทั้งนี้ ในส่วนของรถคันแรก ถูกกำหนดให้ผูกพันตามทุนประกันภัย และราคารถยนต์ จึงทำให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อคัน ขณะที่รถยนต์รุ่นที่มีเครื่องยนต์สูงกว่า 1,500 ซีซี. จะเฉลี่ยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 20,000 บาทขึ้นไปต่อคัน แต่ในส่วนของอัตราส่วนค่าเสียหาย หรือ lose ratio ที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายค่าสินไหมเพื่อซ่อมแซมรถยนต์นั้น รถยนต์คันแรกอยู่ในอัตรา 70% สูงกว่ารถยนต์ทั่วไปที่มีอัตรา 60% ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทประกันภัย
กล่าวด้วยว่า แนวทางดังกล่าวสมาคมฯ ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาในต่างประเทศ ให้ดำเนินการศึกษา และพบว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ โดยหากมีการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ตามแนวทางที่สมาคมฯ เสนอ ก็คาดว่าเบี้ยประกันรถยนต์ของรถประเภทซิตี้คาร์ หรือรถยนต์คันแรกจะปรับเพิ่มประมาณ 10% ซึ่งจะทำให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เคยจ่ายอยู่ 13,000 บาท ขึ้นมาเป็น 15,000 บาท ก็ถือว่าไม่มากนัก
"ยอมรับว่าขั้นตอนในการเสนอ และกระบวนการในการตัดสินใจคงต้องใช้เวลา คงไม่ทันกับการส่งมอบรถยนต์คันแรกในช่วงของปีนี้ แต่เชื่อว่าหากได้รับการพิจารณาให้ปรับขึ้น ก็คงมีผลในการต่อประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไป" กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจประกันภัยในปี 2556 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปี 2555 เนื่องจากยังคงมีการทยอยส่งมอบรถยนต์คันแรกตามนโยบายของรัฐบาล รายงานว่า โครงการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งกำหนดให้ประชาชนยื่นขอรับสิทธิ์ได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา พบว่ามีรถยนต์เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านคัน คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 9.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการว่า จะมีรถเข้าโครงการเพียง 5 แสนคัน คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ที่มา : สยามธุรกิจ