กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) เปิดเผยถึงผลประกอบการ 9 เดือนของบริษัท โดยระบุว่ายังคงติดลบ มีการขาดทุนสะสมอยู่ที่ 2 พันล้านบาท แต่ยังมีกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ราว 2.5 พันล้านบาท ส่งผลให้บริษัทยังมีกำไรจาการดำเนินธุรกิจกว่า 400 ล้านบาท โดยผลขาดทุนส่วนหนึ่ง มาจากผลพวงเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในปีก่อนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามคาดว่าสิ้นปีบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่ 19-20% ซึ่งมาจากการปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันภัยต่อ หรือ รีอินชัวเรอร์ ต่อประกันภัยทรัพย์สิน (IAR) เป็นหลัก ส่วนผลงานในรอบ 11 เดือนนั้น บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมแล้ว 1.19 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตในอัตรา 19-20%

"บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเติบโต สำหรับเบี้ยประกันภัยรับในปีหน้าไว้ทั้งสิ้น 1.53 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 15% จากปีนี้ ซึ่งอัตราเบี้ยที่ขยายตัวสูง เป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 40% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 35-36%"

สำหรับปีหน้านั้น นอกจากอัตราเติบโตจากปริมาณธุรกิจ ที่มุ่งรองรับประกันภัยรถยนต์ และการต่ออายุกรมธรรม์ จากการที่ตัวแทนจำหน่ายแถมให้ผู้ซื้อรถแล้ว บริษัทมุ่งคัดเลือกงาน เพิ่มความสามารถในการทำกำไรจากการรับประกันภัยด้วย ซึ่งเป็นความท้าทาย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง อีกทั้งจะมีการทบทวนอัตราเบี้ยประกันภัย ให้สอดคล้องกับราคาซื้อขายจริงในตลาดด้วย

"ปีนี้เราเพิ่งเริ่มเปิดใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ ที่ลงทุนไปกว่าร้อยล้านบาท เพื่อช่วยให้การประมวลผลจากฐานข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ แต่ละช่วงอายุ มีลักษณะพฤติกรรมการขับรถยนต์อย่างไร และความเสี่ยงเป็นอย่างไร เพื่อให้การประกันภัยปีหน้าเป็นงานที่มีคุณภาพ นำไปสู่การทำกำไร"

ยังกล่าวต่อไปอีกว่า นโยบายขยายฐานลูกค้ารายย่อยยังเป็นแผนต่อเนื่อง โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ ซึ่งถือเป็นรายย่อยที่ต้องต่ออายุปีที่ 2 ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า อานิสงส์จากมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกนั้น หนุนตลาดรถยนต์เช่าซื้อ และธุรกิจประกันภัยรถยนต์ โดยเชื่อว่าจะผลักดันให้ตลาดประกันภัยรถยนต์ ในปีหน้าโตต่อเนื่องถึงปี 2557

ขณะที่ในส่วนของการทำตลาดนั้น บริษัทเชื่อว่าช่องทางโทรศัพท์ หรือเทเลมาร์เก็ตติ้งยังเติบโตได้ดี ภายใต้ความร่วมมือกับโบรกเกอร์พันธมิตร รวมถึงการใช้ศูนย์บริการ BKI Care Station ในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ช่องทาง แบงก์ แอสชัวรันซ์ ที่ขายผ่านเคาน์เตอร์สาขาของธนาคารกรุงเทพนั้น เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีศักยภาพ เติบโตในการขายสินค้าสำหรับลูกค้ารายย่อย ทั้งประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันสุขภาพ และประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ