การขยับตัวของกลุ่มทุนต่างชาติ เพื่อเจาะตลาดไทยคึกคักมากขึ้นทุกขณะ จากเป้าหมายต้องการปักธงตลาดเอเชียเพื่อสร้างรายได้ และผลกำไร ล่าสุดเมื่อ “กลุ่มพรูเด็นเชียล” จากอังกฤษซื้อธนชาตประกันชีวิตจาก “ธนาคารธนชาต” ส่งแรงกระเพื่อมไปถึงช่องทางขายผ่านแบงก์ หรือแบงก์แอสชัวรันส์โดยรวมที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบในเวทีนี้กันบ้าง

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ปัจจุบันมีธนาคารที่ได้รับอนุญาตเป็นนายหน้าประกันภัยรวม 18 ราย แต่ในการทำตลาดจริง ธนาคารที่ได้เปรียบในการแข่งขันในช่องทางนี้ ต้องยกให้บรรดาธนาคารที่มีแบงก์ในเครือ เพราะเมื่อเชื่อมโยงไปถึงเบี้ยประกันภัยผ่านช่องทางนี้ โดยเฉพาะฝั่งประกันชีวิต ที่ขนาดเบี้ยจะใหญ่กว่าฝั่งประกันวินาศภัย จะเห็นภาพการเติบโต และการครองตลาดอย่างชัดเจน

ซึ่งจากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2555) พบว่า ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวม จากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์มากถึง 104,270.9 ล้านบาท เติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีเบี้ยประกันภัยใหม่ (New Business Premium) หรือเบี้ยปีแรก (FYP) รวมกับเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว (Single Premium) มากถึง 48,639.9 ล้านบาท เติบโต 29%

โดยเบี้ยแบงก์แอสชัวรันส์ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ในมือ 3 บริษัทประกันชีวิตเครือแบงก์ใหญ่ ที่ครองส่วนแบ่งรวมกันเกินครึ่งของทั้งระบบ คือ อันดับ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ในเครือธนาคารกสิกรไทย มีเบี้ยประกันภัยรับรวมผ่านช่องทางนี้มากถึง 24,686.5 ล้านบาท เติบโต 31% ครองส่วนแบ่งไป 23.68% โดยมีเบี้ยประกันภัยใหม่ 12,673.7 ล้านบาท เติบโต 28% ครองส่วนแบ่งตลาด 26.06% ตามด้วยอันดับ 2 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLife) ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 24,186.7 ล้านบาท เติบโต 30% ครองส่วนแบ่งตลาด 23.20% มีเบี้ยประกันภัยใหม่ 10,204.9 ล้านบาท เติบโต 57% ครองส่วนแบ่งตลาด 20.98% และอันดับ 3 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิตในเครือธนาคารกรุงเทพ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 17,746.6 ล้านบาท เติบโต 24% ครองส่วนแบ่งตลาด 17.02% โดยมีเบี้ยประกันภัยใหม่ 5,288.7 ล้านบาท เติบโตติดลบ 4% ครองส่วนแบ่งตลาด 10.87%

แต่ที่น่าจับตาที่สุด คือ เบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของช่องทางนี้ ที่ผลัดกันขึ้นเบอร์ 1 มาตลอด ซึ่งทั้งตัวบริษัทประกันชีวิตเอง และแบงก์แม่ที่มีนโยบายเดียวกัน ทั้งการวางแผนทำตลาดร่วมกัน ยึดพื้นที่โฆษณาหน้าจอทีวี ออกสินค้าใหม่ๆ เจาะลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ของแบงก์ รวมไปถึงการฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อบรรลุเป้าหมาย

ส่วนอันดับ 4 เป็นของบมจ.กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต มีพันธมิตร คือ ธนาคารกรุงไทย มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,426 ล้านบาท เติบโต 41% ครองส่วนแบ่งตลาด 10.96% โดยมีเบี้ยประกันภัยใหม่ 5,271.5 ล้านบาท เติบโต 41% และอันดับ 5 เป็นของบ. ธนชาต ประกันชีวิต จก. ในเครือธนาคารธนชาต ที่เพิ่งขายให้กับกลุ่มพรูเด็นเชียลไปสดๆ ร้อนๆ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,200.8 ล้านบาท เติบโต 9% ครองส่วนแบ่งตลาด 4.99% โดยมีเบี้ยประกันภัยใหม่ 4,058.2 ล้านบาท เติบโต 5% ครองส่วนแบ่งตลาด 8.34%

ดังนั้น การซื้อกิจการธนชาตประกันชีวิตของ กุล่มพรูเด็นเชียล จึงสร้างความเปลี่ยนแปลงในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ โดยในแง่ของเบี้ยประกันภัยรวม ทำให้บมจ.พรูเด็นเชียลประกันชีวิต (ประเทศไทย) ก้าวกระโดดจากอันดับ 10 ขึ้นมายืนแทนที่อันดับ 5 ของธนชาตประกันชีวิตทันที ซึ่งเมื่อรวมเบี้ยประกันภัยรับรวมของพรูเด็นเชียลที่มีอยู่ 2,658.5 ล้านบาท กับของธนชาตประกันชีวิต จะทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวมขยับขึ้นเป็น 7,859.3 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 7.54%

แต่ที่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากที่สุด คือ เบี้ยใหม่ของพรูเด็นเชียลที่อยู่ในอันดับ 9 ของธุรกิจที่จำนวน 1,463.2 ล้านบาท เมื่อรวมกับเบี้ยใหม่ของธนชาต จะเพิ่มเป็น 5,521.4 ล้านบาท ผงาดขึ้นมายืนอันดับ 3 ของธุรกิจทันที ด้วยส่วนแบ่งตลาด 11.34% ซึ่งหากเทียบพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์หลักๆ ของพรูเด็นเชียลมีอยู่ 3 ราย คือ ธนาคารยูโอบี, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และล่าสุดธนาคารธนชาต และพันธมิตรแบงก์ที่ขายผ่านช่องทางไดเรกต์ 5-6 ราย กับคู่แข่งในอันดับ 3 อย่างกรุงเทพประกันชีวิต มีพันธมิตรหลักเพียงรายเดียว โอกาสที่พรูเด็นเชียลจะขยับอันดับไปสูงกว่านี้จึงมีสูง

กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรูเด็น เชียลประกันชีวิต ให้ความเห็นว่า การซื้อกิจการธนชาตประกันชีวิต และการเป็นพันธมิตรกับธนาคารธนชาต จะทำให้พรูเด็นเชียลเติบโตในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทมุ่งเป้าที่จะขยายแบงก์แอสชัวรันส์อย่างเดียว เพราะเป้าหมายของกลุ่มพรูเด็นเชียล บอกไว้ชัดเจนว่าต้องการที่จะสร้างฐานการเติบโตในไทย ดังนั้นยังต้องอาศัยการทำตลาดแบบหลากหลายช่องทาง และหลากหลายสินค้า แต่ยอมรับว่าต่อไปสัดส่วนเบี้ยประกันภัย จะมาจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ และไดเรกต์มากถึง 90% และที่เหลืออีก 10% เป็นเบี้ยจากช่องทางตัวแทน และช่องทางอื่นๆ

“อนาคตใน 3-5 ปีข้างหน้าเรายังตอบไม่ได้ แต่คงไม่ได้มุ่งเป้าในแง่ของความเป็นที่หนึ่งในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ แต่มุ่งที่จะเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่ง ในแง่ของการบริการมากกว่า”

การผลักดันตัวเองของพรูเด็นเชียลได้สำเร็จในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ นอกจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่อันดับแล้ว ยังตอกย้ำถึงความไม่แน่นอนของแบงก์ที่มีประกันภัยในเครือ ที่พร้อมจะขายประกันภัยในเครือได้ทุกเมื่อ เพื่อลดภาระ เปลี่ยนบทบาทไปเป็นนายหน้าประกันภัย กินค่าคอมมิสชั่นเพียงอย่างเดียว

ที่มา : สยามธุรกิจ