นอกจากโครงการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับผ่านแดนอาเซียน ที่รัฐบาลของ 10 ประเทศลงนามความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าในภูมิภาค โดยอยู่ระหว่างผลักดันขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่มนอกเหนือจากไทยกับลาวที่เริ่มนำร่องไปแล้ว รวมถึงเวียดนามและกัมพูชาที่คงจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่ช้านี้ เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558

ในส่วนของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่ต้องเดินไปคู่กัน ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยเริ่มมองหาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านรองรับไว้แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะการจัดการสินไหมทดแทนเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุในต่างประเทศจะทำอย่างไร

ข่าวจากสำนักงานคปภ. (คปภ.) กล่าวว่า ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ สามารถขยายความคุ้มครองในกรมธรรม์ไปนอกประเทศได้ สมมติรถยนต์จากฝั่งไทยจะวิ่งไปลาว สามารถขอขยายความคุ้มครองจากกรมธรรม์ของไทยไปยังประเทศลาวได้ ถ้ามีอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ของไทย ขณะที่ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับไม่สามารถขยายความคุ้มครองนอกอาณาเขตได้ ต้องใช้ความคุ้มครองภายใต้กฎหมายของใครของมัน คือ ถ้ารถยนต์ฝั่งไทยไปลาว ก็ต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับของลาว ในทางกลับกันถ้าฝั่งลาวมาไทยก็ต้องซื้อประกันเภัยของไทย เป็นต้น

ซึ่งทางสมาคมฯ เตรียมจะไปคุยกับลาว ในเรื่องของความร่วมมือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ในเรื่องของการทำเคลมนอกอาณาเขต หากรถยนต์ที่ขับไปท่องเที่ยว หรือขนส่งสินค้าไปเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างอยู่นอกประเทศจะจัดการเคลมกันอย่างไร ใครจะเป็นผู้ดูแล จะให้ทางฝั่งลาวเป็นคนทำเคลมให้ หรือจะใช้คนจากฝั่งไทยเข้าไปดูแล ด้วยการไปตั้งสาขาหรือสำนักงานขึ้นที่โน่น

“ในระดับหน่วยงานกำกับ จะพูดคุยกันตลอดเพื่อปูทาง อย่างประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับผ่านแดน เป็นการปูทางความร่วมมือเผื่อไปถึงภาคสมัครใจด้วย แต่เนชั่นแนล บูโร ที่แต่ละประเทศตั้งขึ้น เพื่อเคลมสินไหมและขายประกันภัยรถยนต์ข้ามแดนนั้นเฉพาะ

ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ให้ข้อมูลว่า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 ทางคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์และบริษัทสมาชิก จะไปดูเส้นทางการขนส่งสินค้าข้ามแดน ผ่านเส้นทางสายใหม่เชื่อมโยงระหว่าง ไทย-ลาว-จีน (R3A) โดยขอให้ทางคปภ. ช่วยประสานกับบริษัทประกันภัยสปป.ลาว (เอจีแอล) ที่เป็นเนชั่นแนล บูโร ของฝั่งลาว และเนชั่นแนล บูโร ของจีนให้ เพื่อพูดคุยกันกรณีรถยนต์ที่วิ่งข้ามประเทศเกิดอุบัติเหตุ แล้วทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไว้ด้วย จะอำนวยความสะดวกกันอย่างไร

“ในอนาคต บริษัทสมาชิกจะขยายความคุ้มครองประกันภัยภาคสมัครใจ ไปนอกอาณาจักรไปยังลาวและจีน อย่างรถขนส่งสินค้าข้ามแดน ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างที่รถยนต์ของเราวิ่งข้ามไปลาว จะทำเคลมอย่างไร ใครจะเป็นผู้สำรวจภัย จัดการสินไหม ส่วนที่เกินจากประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับให้ เท่าที่คิดกันจะว่าจ้างบริษัทแอดจัสเตอร์ในท้องถิ่น มาดูแลเรื่องการสำรวจภัย การชดใช้สินไหมให้อาจจะทำในนามสมาคมก่อน เพื่อเป็นการปูทางให้กับสมาชิก หากในอนาคตจะไปดิวกันเองเป็นรายบริษัทต่อไป”

สาเหตุที่ต้องมาดูในเรื่องความคุ้มครอง ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนอกอาณาเขต เนื่องจากทางสมาคมและคปภ. กำลังร่วมกันปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และภาคสมัครใจอยู่ หากไม่เข้าไปศึกษาความคุ้มครองในต่างประเทศ ไม่รู้จะกำหนดรูปแบบเงื่อนไขความคุ้มครอง ตลอดจนอัตราเบี้ยประกันภัยอย่างไร

อีกทั้งหลังปี 2558 การสัญจรคมนาคมขนส่ง ระบบลอจิสติกส์ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะเปิดมากขึ้น การเชื่อมโยงของถนนจะมีมากขึ้น มีรถยนต์ทะลักเข้ามามาก หากไม่เตรียมการรองรับตั้งแต่ในตอนนี้ อนาคตจะช้าเกินไป ในฐานะที่ไทยเป็นศูนย์กลางหรือ “ฮับ” ลอจิสติกส์ของอาเซียน จะมีทั้งการท่องเที่ยวและค้าขายสินค้าเข้ามา หากไทยไม่พร้อมไม่มีความร่วมมือด้านประกันภัยรถยนต์ระหว่างประเทศ รองรับการติดต่อทั้งด้านเหนือ ด้านข้างทั่งฝั่งตะวันตก ตะวันออก รวมถึงด้านใต้จะทำอย่างไร

“เรื่องการข้ามพรมแดนนอกจากเครื่องบินแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ เราจึงต้องเตรียมความพร้อม ต้องศึกษาข้อมูลในประเทศต่างๆ อย่างในยุโรป นำมาประกอบการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ ปรับเงื่อนไขความคุ้มครอง เบี้ยประกันภัยให้เหมาะสม การปรับปรุงกรมธรรม์ ข้อกฎหมายต่างๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี เราจะเริ่มจากลาวและจีนก่อน เพราะการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่าง 3 ประเทศนี้มีมากกว่าด้านอื่น เมื่อทำเสร็จจะใช้เป็นต้นแบบขยายไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป แม้ตอนนี้รถยนต์ที่วิ่งข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา จะทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไม่เยอะ แต่หลังปี 2558 จะเยอะมาก”

ที่มา : สยามธุรกิจ