ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ลุยตรวจนิคมฯ ก่อนรับประกันภัยต่างประเทศผวา จ่อโขกเบี้ยอีกยก

ชี้ประกันภัยต่อต่างประเทศผวาน้ำท่วมรอบล่าสุด ประเมินสถานการณ์ยาก เชื่อเบี้ยประกันต่อขยับ ขณะคนแห่ซื้อประกันภัยภัยน้ำท่วม

ลุยตรวจนิคมฯ ก่อนรับประกันภัยต่างประเทศผวา จ่อโขกเบี้ยอีกยก

กันยายน
25

ด้านนายกส.วินาศภัยนำบริษัทประกันภัยเซอร์เวย์นิคมฯ ดูมาตรการป้องกันน้ำ ประเดิม”ไฮเทค-นวนคร” ด้านกองทุนฯ ปลดล็อกเงื่อนไขซื้อประกันภัยน้ำท่วมเบี้ยถูกลง 20% เปิดช่องบริษัทแข่งขาย เตรียมคุย ”โบรกเกอร์ รี” เคาะวงเงินประกันภัยต่อ เชื่อต่างประเทศอ้าแขนรับวอลุ่มเยอะ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด(มหาชน) หรือ ไทยรี เปิดเผยถึงสถาณการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ว่า เชื่อว่าประชาชนทั่วไปอย่างบ้านอยู่อาศัย เอสเอ็มอีจะกระตือรือร้นที่จะทำประกันภัยน้ำท่วมมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้สนใจมาก เพราะมองว่าเบี้ยประกันแพง แต่ขณะนี้แม้จะแพงพร้อมจะจ่าย ขึ้นอยู่กับอยู่พื้นที่ไหนถ้าเสี่ยงจะสนใจมาก ขณะที่บริษัทประกันภัยรับประกันภัยอยู่แล้ว เพราะสามารถส่งประกันภัยต่อให้กับกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติของรัฐบาลได้

ส่วนการซื้อประกันภัยต่อกับผู้รับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ต่างประเทศในช่วงนี้คงยาก คงไม่มีผู้รับประกันภัยต่อรายใดอยากรับ หรือโค้ดเบี้ยประกันภัยให้ เพราะไม่กล้าเสี่ยง ไม่มีใครคาดเดาสถาณการณ์หลังจากนี้ได้ อย่างไรก็ดีความต้องการทำประกันภัยน้ำท่วมที่มีมากขึ้นตั้งแต่น้ำเริ่มมา จะทำให้มีประกันภัยน้ำท่วมไหลเข้าไปที่กองทุนฯ มาก คาดว่าวงเงินความคุ้มครองทั้งบ้าน เอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมที่จะซื้อกับกองทุนฯ อาจจะเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท สูงกว่าที่กองทุนฯ คาดการณ์ไว้ 8.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดการณ์จากเหตุการณ์ปกติที่ว่า จะมีกรมธรรม์จำนวนมากหมดอายุในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ไม่ได้นำปัจจัยน้ำท่วมที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาคำนวณด้ว

"กองทุนฯ คงซื้อประกันภัยต่อได้อยู่แล้ว เพราะวอลุ่มเยอะ แต่ซื้อช่วงนี้อัตราเบี้ยประกันภัยจะแพงกว่าที่ควรจะเป็น จากช่วงปกติอัตราเบี้ยอาจจะอยู่ที่ 4-6%"

นายกสมาคมประกันวินาศภัยให้ความเห็นว่า ทางสมาคมฯ จะพาบริษัทสมาชิกไปดูมาตรการป้องกันน้ำท่วมของนิคมอุตสาหกรรม โดยในวันที่ 18 กันยายนนี้ จะไปที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และวันที่ 26 กันยายน เป็นคิวของนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทางนิคมฯ คงจะแสดงให้บริษัทประกันภัยดูถึงวิธีการป้องกันน้ำ ความมั่นคงของเขื่อนกั้นน้ำ วิธีการระบายน้ำออกจากนิคมฯ หากนอกนิคมเกิดน้ำท่วม เป็นต้น

“การไปดูมาตรการป้องกันน้ำท่วมของนิคมฯ จะมีผลทั้งต่อการพิจารณารับประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัยที่โรงงานต่างๆ จะซื้อ อาจจะมีทั้งรายที่ซื้อประกันภัยไว้แล้ว แต่ต้องการจะซื้อเพิ่ม หรือเพิ่มทุนประกันภัยในช่วงนี้ รวมถึงการต่อสัญญารอบใหม่ที่จะเริ่มในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ตอนนี้ประชาชนคงจะตื่นตัว สนใจซื้อประกันภัยน้ำท่วมมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านอยู่อาศัย ส่วนเอสเอ็มอี โรงงานต่างๆ เขามีการบริหารจัดการความเสี่ยงอยู่แล้ว แง่บริษัทประกันภัยอาจจะเข้มงวดในการรับประกันภัยมากขึ้น แต่ไม่น่ากังวลเพราะมีกองทุนฯรองรับอยู่แล้ว”

ด้านเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะกรรมการกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า แม้หลายพื้นที่จะประสบปัญหาน้ำท่วม แต่เป็นพื้นที่เคยท่วมเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อกองทุนฯ หรือทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้กองทุนฯ ปรับเงื่อนไขให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ให้บริษัทประกันภัยที่ขายประกันภัยธรรมชาติทั่วไป และภัยพิบัติในอัตราเบี้ยประกันภัยต่ำกว่ากองทุนฯ ตั้งแต่ 20% ขึ้นไปไม่ต้องส่งเบี้ยประกันภัยเข้ากองทุนฯ

อีกทั้งยังยกเลิกเงื่อนไขที่ว่า จะขายเบี้ยประกันภัยถูกได้ต้องมีทุนประกันภัยไม่ต่ำกว่า 30% ออกไป เปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อประกันภัยในอัตราเบี้ยประกันภัยต่ำ ด้วยทุนประกันภัยเท่าไหร่ก็ได้ตามความต้องการ บริษัทประกันภัยแข่งขันกันได้มากขึ้น โดยกองทุนฯ จะตรึงราคาเบี้ยประกันภัยสูงสุดไม่ให้เกินเพดานของกองทุนฯ คือบ้านอยู่อาศัย 0.5% เอสเอ็มอี 1% และอุตสาหกรรม 1.25% โดยเงื่อนไขใหม่เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งการปรับเงื่อนไข ทำให้ทุนประกันภัยพิบัติของลูกค้า ที่จะมาทำประกันภัยกับกองทุนฯ ลดลงเหลือประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท จากตอนแรกที่คาดไว้ 329,943 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทประกันภัยขายกันเองมากขึ้น

“กองทุนฯ กดเบี้ยประกันภัยให้ต่ำลงมาระดับหนึ่งแล้ว ยกตัวอย่างเอสเอ็มอี กองทุนฯ กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยไว้ 1% ถ้าบริษัทขายเบี้ยประกันภัยต่ำกว่าอย่างน้อย 20% เท่ากับเหลือ 0.80% หมายความว่า ใครที่ขายได้ต่ำกว่า 0.80% ก็ขายได้ทันที ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อทุนประกันภัยเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องส่งเบี้ยมาให้กองทุนฯ ทำให้เกิดการแข่งขันเสนอค่าเบี้ยต่ำกว่า 0.80% ลงไปอีก ถ้าเบี้ยในตลาดขยับขึ้นสูงกว่าราคาของกองทุนฯ ก็มาซื้อกับกองทุนได้ ไม่มีราคาสูงกว่านี้อีกแล้ว ส่วนการซื้อประกันภัยต่อของกองทุนฯ ยังคงเป็นไปตามแผนการเดิมที่วางไว้ จะเริ่มซื้อประมาณต้นเดือนตุลาคม”

เลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า หลังจากคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาประกันภัยต่อ (โบรกเกอร์ รีอินชัวรันส์) รายใหญ่ของโลก 2 รายได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการประกันภัยต่อ ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานที่จะหารือในรายละเอียดกับ 2 บริษัท ในเรื่องของการจัดทำประกันภัยต่อว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนอัตราเบี้ยประกันภัยต่อในตอนนี้ เท่าที่ฟังจากโบรกเกอร์ รี ยังอยู่ในอัตราที่กองทุนฯ ประเมินไว้คือ 3-5% แต่ยังต้องดูสถานการณ์จริงตอนทำประกันภัยต่อว่า รีอินชัวเรอส์จะเคาะมาที่อัตราเท่าใด ซึ่งมั่นใจว่ามีรีอินชัวเรอส์พร้อมรับประกันภัยต่อจากกองทุนฯ ด้วยพอร์ตที่ใหญ่ย่อมมีอำนาจต่อรอง

“การทำประกันภัยต่ออย่างไร ขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงของงานที่กองทุนฯ รับอยู่ว่าเป็นอย่างไร อยู่ในพื้นที่ใดบ้าง เพื่อประเมินวงเงินทำประกันภัยต่อ อาจจะเป็นการทะยอยทำ สมมุติครั้งละ 5,000 ล้านบาท ผมมองว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ไม่น่าจะรุนแรงเท่าปีก่อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้ยังไม่ถึง 1% ของที่ท่วมปีที่แล้ว อีกทั้งมีระบบบริหารจัดการน้ำ และการป้องกันจากประสบการณ์ท่วมปีที่แล้ว รวมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมเองก็มีการป้องกันอย่างดี”

ที่มา : สยามธุรกิจ