โดย สยามธุรกิจ วันที่ 19 เมษายน 2555 เวลา 22:59 น.

ปลัดคลัง รองประธานกองทุนประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า ในช่วงนี้แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศไทย ซึ่งกองทุนประกันภัยพิบัตินอกจากคุ้มครองภัยจากน้ำท่วม และลมพายุ ก็ยังคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวด้วย ประชาชนและผู้ประกอบการที่ซื้อประกันภัยจากกองทุนผ่านบริษัทประกันภัย จะได้รับการคุ้มครองทั้ง 3 ภัย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว มีเงื่อนไขว่า จะต้องมีความรุนแรงไม่น้อยกว่า 7 ริกเตอร์ และต้องมีความเสียหาย ถึงจะได้รับการชดเชยจากกองทุนประกันภัยภิบัติ ซึ่งกองทุนไม่สามารถลดเงื่อนไขความรุนแรงได้ เพราะเป็นมาตรการฐานสากล และกองทุนต้องการบริหารจัดการเฉพาะภัยที่รุนแรงจริง ๆ

ประชาชนและผู้ประกอบการที่ต้องการประกันคุ้มครองแผ่นดินไหวที่ต่ำกว่า 7 ริกเตอร์ จะต้องหาซื้อประกันภัยจากบริษัทประกันภัยทั่วไป ซึ่งยอมรับว่าอาจจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยในราคาที่สูง

สำหรับค่าเบี้ยประกันภัยพิบัติของกองทุนประกันภัยพิบัติ ประชาชนทั่วไป 0.5% คุ้มครองไม่เกิน 1 แสนบาท คิดเป็นเงินที่ต้องซื้อเบี้ยประกัน 500 บาท/ปี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทุนประกันภัยไม่เกิน 50 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันภัย 1.0% รับประกันความเสียหายไม่เกิน 30% คิดเป็นทุนประกัน 1 ล้านบาท จ่ายค่าเบี้ย 12,500 บาท ขณะผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่จำกัดทุนประกันภัย อัตราเบี้ยประกันภัย 1.25% ต่อปี จำกัดความคุ้มครองไม่เกิน 30% ของทุนประกันภัย หรือทุนประกันภัย 1 ล้านบาท จ่ายค่าเบี้ย 12,500 บาท

ในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการประชุมติดตามการทำประกันภัยของกองทุน ฯ โดยจะให้มีการรายงานสาเหตุที่มีผู้มาทำประกันภัยน้อยเพราะจากสาเหตุใด

โดยมีการเปิดเผยว่า เหตุผลที่มีผู้มาทำประกันภัยน้อย เพราะบริษัทประกันภัยรับทำประกันภัยไว้เอง เพราะไม่ต้องการเสียลูกค้า โดยค่าเบี้ยประกันภัยในตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับไม่เกิน 5% จากที่เคยพุ่งสูงถึง 16% ในช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในวันนี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบข้อเสนอของบริษัทประกันภัย จากเดิมที่รับทำประกันภัยจะโอนความเสียง 99% ไม่ให้กองทุน ฯ แต่ล่าสุดบริษัทประกันภัยต้องการเก็บความเสี่ยง 99% ไว้เอง และโอนความเสี่ยงมาให้กองทุน ฯ เพียง 1% เท่านั้น เนื่องจากมั่นใจมาตรการป้องกันน้ำท่วมของภาครัฐ

ที่มา : อาร์วายทีไนน์