โดย สยามธุรกิจ วันที่ 28 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท เจนเนอ ราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2555 ตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตของประกันชีวิตและประกันวินาศภัยบริษัทละ 30% เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยประกันชีวิตจะมีเบี้ยรับประกันภัยประมาณ 2,730 ล้านบาท เทียบกับปี 2554 มีเบี้ยรับ 2,100 ล้านบาทและประกันวินาศภัยมีเบี้ยรับประกันภัยประมาณ 800 ล้านบาทเทียบกับปี 2554 มีเบี้ยรับประกันภัย 500 ล้านบาทซึ่ง ในส่วนของประกันวินาศภัยเบี้ยรวมอาจจะมากกว่านี้ เพราะส่วนหนึ่งประกันภัยต่อไปยังเจนเนอราลี่ กรุ๊ปด้วย
ซึ่งการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยจะมาจากลูกค้า เห็นความมั่นคงทางการเงินของบริษัทต่างชาติ ที่น่าจะมีมากกว่าบริษัทประกันภัยไทย เพราะจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา ลูกค้าจะเห็นรายงานค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่งเจอมากน้อยแค่ไหน ลูกค้าจะมั่นใจบริษัทต่างชาติมากขึ้นเนื่องจากมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป
อีกข้อหนึ่งหลังน้ำท่วมบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศ ปรับเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยธรรมชาติขึ้นจากเดิมมาก ลูกค้าจำเป็นต้องทำประกันภัยต้องยอมจ่ายเบี้ยแพงขึ้น จะทำให้เบี้ยทั้งระบบเพิ่มขึ้นทำให้เบี้ยรวมของบริษัทเพิ่มด้วย
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทย เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งความไม่สงบทางการเมือง น้ำท่วมใหญ่ ทำให้คนไทยตระหนักถึงความจำเป็นของประกันภัยมากขึ้น เชื่อในปีนี้คนไทยจะขวนขวายหาประกันภัยมากขึ้น อาทิประกันบ้านอยู่อาศัย ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ)”
จากเหตุการณ์น้ำท่วม บริษัทคงจะใช้ความได้เปรียบในเรื่องของประกันภัยต่อที่ส่งให้กับบริษัทแม่ คือ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เป็นจุดแข็งของบริษัท เทียบกับบริษัทประกันภัยไทยส่วนใหญ่ไม่มีแม่รองรับ ต้องส่งประกันภัยต่อให้กับต่างชาติ จะมีปัญหาในการหาประกันภัยต่อมารองรับ
“ลูกค้าจะรู้เองหากทำประกันภัยกับบริษัทไทย อาจจะเจอปัญหาเบี้ยสูงมากเทียบกับบริษัทต่างชาติ ที่ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องประกันภัยต่อ การที่เราส่งประกันภัยต่อไปบริษัทแม่ ได้เปรียบบริษัทประกันภัยไทยที่ต้องส่งประกันภัยต่อไปให้ต่างชาติ 100% เบี้ยของเราแพงขึ้นก็จริงแต่แพงไม่มากเท่าบริษัทที่ไม่มีแม่มารองรับ การที่บริษัทไทยส่งประกันภัยต่อไปให้ต่างชาติ จะถูกกดเบี้ยสูงอยู่แล้ว สุดท้ายบริษัทไทยต้องชาร์จเบี้ยจากลูกค้าแพงขึ้น เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ไทยเสี่ยงมากขึ้นเบี้ยทั้งตลาดแพงขึ้นแน่นอน”
เบื้องต้นบริษัทประมาณการค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วมประมาณ 2,100 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายสุทธิ 500 ล้านบาท ซึ่งความเสียหายจริงอาจจะน้อยกว่านี้ก็ได้ ในส่วนของประกันชีวิต การเติบโตในปีนี้น่าจะมาจากความเชื่อมั่น และความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง และบริษัทแม่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ยังคงเน้นช่องทางขายผ่านโทรศัพท์ (เทเลมาร์เก็ตติ้ง) ที่เป็นช่องทางหลักมีสัดส่วน 90-95% ของเบี้ยทั้งหมดและเป็นช่องทางที่บริษัททำเบี้ยได้มากเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรมอยู่ ส่วนเบี้ยที่เหลือมาจากตัวแทน จะพยายามพัฒนาสร้างตัวแทนใหม่ขึ้นมา ปัจจุบันมีประมาณ 600 คน ปีนี้ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่ม
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าประกันชีวิตรายเดี่ยว 75,000 ราย ประกันชีวิตกลุ่ม 160,000 รายและประกันพีเออีก 42,000 ราย “ประกันชีวิตเบี้ยส่วนใหญ่มาจากประกันชีวิตกลุ่ม ค่อนข้างโตเร็วอย่างในเดือนมกราคมนี้ มีลูกค้าต่ออายุเข้ามาเยอะ มาก สิ่งที่จะเอื้อให้ 2 บริษัทโตไปด้วยกันคือ แบรนด์เจนเนอราลี่ที่เราสามารถขยายได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย”
ในโอกาสที่บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศครบ 9 ปีได้เปิดโครงการใหม่ บัตรเจนเนอราลี่ 365 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เป็นบัตรที่รวบรวมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับสมาชิกของบริษัท ซึ่งในเฟสแรกปี 2555 นี้จะทำทั้งหมด 350,000 ใบจะแจกให้กับลูกค้าและคู่ค้า
ที่มา : สยามธุรกิจ