ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

บริษัทประกันภัย ปรับเกณฑ์ซ่อมรถจมน้ำท่วม

น้ำท่วมถึงหน้าปัดเรือนไมล์เสนอคืนทุนประกันภัย อู่ซ่อมไม่พอ เข้าคิวรอนาน ระยะเวลาการซ่อมยาวขึ้น

บริษัทประกันภัย ปรับเกณฑ์ซ่อมรถจมน้ำท่วม

มกราคม
8

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 4 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.

ประธานชมรมสินไหมยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า เนื่อง จากรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมมีจำนวนมาก เกิดปัญหาอู่และศูนย์ซ่อมมีไม่เพียงพอ กับการซ่อมรถลูกค้าที่ทำประกันชั้น1 ที่กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ส่วนหนึ่งเพราะอู่และศูนย์ซ่อมจำนวนหนึ่งถูกน้ำท่วมด้วย ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงมีความเห็นร่วมกันรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมระดับ C หรือระดับ 3 ท่วมถึงหน้าปัดเรือนไมล์และคอนโซล ให้บริษัทประกันภัยเสนอคืนทุนประกันภัยให้กับเจ้าของรถได้ จากเดิมจะเสนอคืนทุนประกันภัย เฉพาะรถที่ท่วมถึงระดับ D หรือระดับ 4 ท่วมถึงส่วนบนหลังคา รถที่ประเมินค่าซ่อมเกิน 70% ของราคารถหรือใกล้เคียงเท่านั้น

“เมื่ออู่ซ่อมไม่พอทำให้รถต้องไปเข้าคิวรอนาน ระยะเวลาการซ่อมยาวขึ้น รถจมน้ำจะใช้เวลาซ่อมมากกว่ารถที่เกิดอุบัติเหตุทั่วไป เพราะต้องรื้อออกมาทั้งคัน อย่างรถที่ถูกน้ำท่วมเสียหายระดับ 3 ใช้เวลาซ่อมไม่ต่ำกว่า 3 อาทิตย์ เฉพาะที่มีอะไหล่ แต่ถ้าไม่มีอะไหล่ก็นานกว่านี้ ยิ่งถ้าคันไหนมีระบบไฟฟ้ายิ่งใช้เวลามาก อีกส่วนหนึ่งต้องรออะไหล่ด้วย เพราะโรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ในบ้านเรา ถูกน้ำท่วมอยู่ระหว่างฟื้นฟู ต้องรอนำเข้าจากอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ เลยตกลงกันว่าถ้าท่วมระดับ 3 เราประเมินค่าซ่อมรวมอะไหล่แล้ว ใกล้กับทุนเราจะให้คำแนะนำกับลูกค้าคืนทุนประกันภัยให้เลย”

อย่างไรก็ดี ปัญหาคือรถที่ท่วมระดับ 3 หรือ 4 ส่วนใหญ่ ติดปัญหาสัญญาเช่าซื้อลูกค้า อยากให้ซ่อมเพราะถ้าคืนทุนเขาขาดทุน สมมติทำสัญญาเช่าซื้อ 500,000 บาท รวมดอกเบี้ย 580,000 บาท ลูกค้าใช้รถไปแค่ 3-6 เดือน จ่ายค่างวดไป 6 เดือนละ 7,000 บาท ก็ 42,000 บาท ถ้าคืนทุน 500,000 บาทยังไม่พอจ่ายดอกเบี้ย ยังมีเงินที่ดาวน์ไปอีก ซึ่งถ้าลูกค้าเลือกจะซ่อมก็ต้องคุยกับเขา บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าซ่อมให้ไม่เกิน 70 ของทุนประกันภภัย ส่วนที่เกินลูกค้าต้องจ่ายค่าซ่อมเอง อย่างเคสนี้สมมติประเมินค่าซ่อม 480,000 บาท ลูกค้าไม่เอาทุนจะขอซ่อมเอง บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าซ่อมให้ 350,000 บาท”

หากเป็นรถไฮบริดอย่างโตโยต้า แคมรีและโตโยต้า พรีอุส ถูกน้ำท่วมแค่ระดับ B หรือระดับ 2 ถึงส่วนบนเบาะที่นั่ง จะเสนอคืนทุนประกันภภัยให้เช่นกัน เพราะประเมินค่าซ่อมรวมค่าอะไหล่แล้ว ใกล้เคียงกับทุนประกันภัย แค่เปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างเดียวก็แพงมาก อย่างโตโยต้า แคมรี่แบตเตอรี่ตัวละแสนกว่าบาท โตโยต้า พรีอุสตัวละ 90,000 บาท ยังมีระบบไฟฟ้าที่ต้องเปลี่ยนใหม่อีก เพราะช็อตหมด

การจ่ายสินไหมด้วยวิธีคืนทุนประกันภัย ถือว่ากรมธรรม์ดังกล่าวสิ้นสุดไปแล้ว หากซ่อมเสร็จลูกค้าสามารถมาขอทำประกันภัยใหม่ได้ โดยต้องนำรถมาตรวจสภาพใหม่เหมือนลูกค้ารายใหม่ทั่วไป ถือเป็นหลักปฏิบัติเดียวกันทั้งอุตสาหกรรม เป็นเรื่องของความสุจริตใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะหากไม่ตรวจสภาพใหม่ ถ้าภายหลังบริษัทประกันภัยตรวจพบมีอุบัติเหตุมาก่อนหน้าที่จะทำประกันภัย จะนำไปสู่การบอกเลิกสัญญาประกันภัยได้ ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า

สำหรับยอดรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมครั้งนี้ ที่มีการแจ้งเคลมเข้ามามีประมาณ 50,000 คัน ในจำนวนนี้มีประกันรถยนต์ชั้น1 ประมาณ 20,000 คัน ซึ่งบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้ ในจำนวนนี้เป็นความเสียหายระดับ 1, 2 และ 3, 4 อย่างละครึ่ง ส่วนอีกประมาณ 30,000 คันที่เหลือ ทำประกันภัยภาคสมัครใจประเภทอื่น ที่ไม่มีความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ลูกค้าต้องจ่ายค่าซ่อมเอง

“ยอดรถที่มีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้วถูกน้ำท่วมน่าจะนิ่งแล้ว เพราะแจ้งเคลมเข้ามาหมดแล้ว ที่แจ้งเคลมเพิ่มเข้ามาในช่วงหลัง เป็นรถที่หุ้มถุงพลาสติกไว้น้ำไม่ท่วมก็จริง แต่เปิดถุงออกมามีเชื้อรา ส่วนนี้มีไม่มาก”

ที่มา : สยามธุรกิจ