โดย ฐานเศรษฐกิจวันที่ 28 ธันวาคม 2554 เวลา 12:22 น.

กรุงเทพประกันภัย เดินหน้าขายประกันภัยน้ำท่วมปีหน้า สั่งรื้อกรมธรรม์ขายน้ำท่วม หลังถูกรีอินชัวเรอร์บีบให้กำจัดวงเงินจ่ายไม่เกิน 10% ลดเพดานทุนประกันภัยขายไม่เกิน 50ล้าน จี้ลูกค้าจ่ายดีดักฯ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท พร้อมยอมรับขายประกันภัยปี 54 ชักเนื้อ แบไต๋ขายหุ้น 800 ล้าน ล้างหนี้เคลมลูกค้า ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน มั่นใจปีหน้าโตได้ถึง 9% ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า การที่บริษัทรับประกันภัยต่อ เพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยนั้น ส่งผลทันทีต่อต้นทุนการให้บริการที่จะต้องเพิ่มไม่ต่ำกว่า 4-5 เท่า ต้องยอมรับว่าการปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยและเงื่อนไขใหม่ หลักๆ ถูกกำหนดมาจากบริษัทรีอินชัวเรอร์ ซึ่งต้องการเห็นเบี้ยประกันภัยของไทยที่สะท้อนความจริง

"พูดง่ายๆ ขึ้นต้องการให้เราขึ้นเบี้ยประกันภัย เห็นได้จากตั้งซับลิมิต หรือการจำกัดวงเงินการรับผิดส่วนแรก กำหนดดีดักเทเบิล หรือจำกัดวงเงินการสำรองจ่าย ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดประกันภัยไทยแข่งขันกันถึงจุดตายแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ยังพอทำได้คือ การปรับขึ้นเบี้ยประกันภัย เป็นโจทย์ที่บริษัทรีอินชัวเรอร์ ยื่นคำขาดว่าหากจะให้รับประกันภัยต่อ บริษัทไทยจะต้องขึ้นเบี้ยประกันภัย ถึงจะยอมเข้ามารับงาน"

สำหรับนโยบายของ BKI หากเป็นรายย่อย เราจะรับงานไว้เอง ส่วนรายใหญ่คงต้องส่งงานให้กับ รีอินชัวเรอร์ โดยในปีหน้าอัตราเบี้ยประกันภัย จะมีการปรับสูงขึ้นตั้งแต่ 10-20% ไล่ไปจนถึง 50-100% ขึ้นกับความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ดังนั้นการขึ้นค่าเบี้ยประกันภัยในปีหน้า จะให้กระทบลูกค้าให้น้อยที่สุด

กลุ่มลูกค้าที่มีกรมธรรม์สัญญาระยะยาว คือ 10, 15 หรือ 20 ปี ว่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของฐานลูกค้าเดิมที่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ กรณีลูกค้าที่เป็นสัญญาปีต่อปีจากสัดส่วน 30% หากกังวลว่าจะได้รับการประกันภัยน้ำท่วมหรือไม่นั้น ยืนยันว่ากรุงเทพประกันภัย ยังเปิดขายกรมธรรม์คุ้มครองน้ำท่วมต่อไป สามารถซื้อความคุ้มครองที่ 10% ต่อทุนประกันภัย 1 ล้านบาท แม้หลายปีที่ผ่านมาลูกค้ารายย่อย มีอัตราความเสียหายไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อเกิดภัยน้ำท่วมอาจทำให้ต้องชดใช้ค่าสินไหมเพิ่มแก่รายย่อยมากขึ้น แต่เมื่อนำผลกำไรมาถัวเฉลี่ยจากสัดส่วนลูกค้า 30% จึงไม่จำเป็นที่จะยกเลิกหรือไม่รับทำประกันภัยน้ำท่วม

"ตลาดประกันวินาศภัยจะมีการปรับค่าเบี้ยประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น พื้นที่ตั้ง ความใกล้ไกลภัย อาคารที่ทำประกันภัย ทำธุรกิจด้านไหน หากเกี่ยวกับไฟ หรือเสี่ยงไฟไหม้ อัตราด้านประกันอัคคีภัยที่แยกจากภัยน้ำท่วมก็จะสูงเช่นกัน ไม่เพียงน้ำท่วมจะขึ้นอัตราเบี้ยอย่างเดียวเท่านั้น แต่เบี้ยอัคคีภัยก็จะขึ้นอีกด้วย"

ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากมหาอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้บริษัทได้มีการประเมินตัวเลขภาพรวมในเบื้องต้น มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม 7,500 กรมธรรม์ คิดป็นค่าสินไหม 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในนิคม ที่ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด (Industrial All Risk Insurance) หรือ IAR รวม 20,000 ล้านบาท ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 เสียหาย 2,500 คัน ค่าสินไหม 400 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 4,000 ราย ค่าสินไหม 2,000 ล้านบาท เบ็ดเตล็ด 350 ราย ค่าสินไหม 800 ล้านบาท

"จากการประเมินค่าสินไหมทดแทนโดยรวมทั้งหมด ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท เพราะได้มีการกระจายความเสี่ยงภัย โดยทำประกันภัยต่อกับต่างประเทศที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง ส่วนสินไหมที่คาดว่าบริษัทจะต้องจ่ายเองน่าจะอยู่ที่ 800 ล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทไม่มีผลกำไรจากการเปิดดำเนินงาน แต่ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดกันบ่อยๆ ยิ่งบริษัทอยู่ในธุรกิจประกันภัยต้องรับให้ได้ ส่วนปีนี้แม้จะไม่มีผลกำไร ทางออกที่บริษัทเลือกคือ การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวม 800 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายสินไหมคืนแก่ลูกค้า แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการจ่ายผลตอบแทนที่หุ้นละ 12 บาท

นอกจากนี้ทิศทางการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทยังคงเน้นการขยายตลาดลูกค้ารายย่อยไปสู่ภูมิภาค โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยปี 2555 เติบโต 12,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9%

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ