โดย สยามธุรกิจ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา 00:00 น.

ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมาก ทั้งนี้ในกรณีที่รถลุยน้ำท่วม โดยที่ผู้เอาประกันรู้อยู่แล้วว่ามีน้ำท่วมข้างหน้า แต่ก็ยังลุยไปแล้วเกิดรถจมน้ำ ถามว่าประกันชั้น 1 คุ้มครองหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นมติร่วมกันของคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ ให้กรมธรรม์มีผลคุ้มครอง บริษัท ประกันต้องจ่ายสินไหมจะอ้างว่าลูกค้ารู้อยู่แล้วยังลุยไปไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่ได้มีเจตนาจะให้รถจมน้ำ เพียงแต่ต้องการจะลุยน้ำไปให้พ้นเท่านั้น

เช่นเดียวกับกรณีรถที่จอดซ่อมในอู่แล้วอู่ถูกน้ำท่วม บริษัทประกันภัยต้องคุ้มครองเช่นกัน จะมาตีความว่ารถจอดอยู่ในอู่ ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของอู่ไม่ได้ กรณีที่อู่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบคือ กรณีที่อู่ทำให้รถเสียหายจากความประมาทของอู่ ซึ่งกรณีน้ำท่วมไม่ได้เกิดจากความประมาท

ส่วนมาตรการเยียวยาฉุกเฉิน ที่ทำอยู่ในขณะนี้คือ การร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จัดตั้งศูนย์ “ประกันภัย ช่วยภัยน้ำท่วม” ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม และที่น้ำกำลังลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและผู้ประสบภัย

ส่วนมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป คือ เรื่องของการเยียวยา ซึ่งต้องทำ 2 ด้าน โดยในด้านของการซ่อม ได้เรียกประชุมอู่ซ่อม ทั้งที่เป็นสมาชิกสมาคมอู่กลางการประกันภัย และอู่สมาคมสหมิตรอู่ซ่อมรถยนต์ มาหารือร่วมกันถึงการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม

“เราพบว่า 80% ของอู่ซ่อมในกรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม โดยเราเชิญมาหารือกัน ถึงความร่วมมือเป็นพิเศษในการซ่อมรถ ให้กับผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา ระหว่างผู้แทนคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์และทั้ง 2 สมาคมอู่ เพื่อหาราคาค่าซ่อมกลางให้กับรถที่ถูกน้ำท่วม โดยจะแบ่งออกเป็นหลายระดับ เช่น หากความเสียหายไม่ถึงพื้นแต่เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย ค่าซ่อมควรเป็นเท่าไร เป็นต้น โดยจะตั้งเป็นประมาณการความเสียหาย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการจ่ายค่าซ่อมของทั้งธุรกิจ โดยจะทำเป็นข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยนำรถเข้าซ่อมได้ทันที โดยไม่ต้องมาประเมินค่าเสียหายอีก และเพื่อให้บริษัทประกันสามารถใช้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันด้วย ส่วนกรณีที่รถที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงในแต่ละระดับความเสียหาย ก็จะมีการตั้งกองกลางหรือ Pool ขึ้นมาพิจารณา ประเมินความเสียหายร่วมกัน เพื่อให้รถยนต์ทุกคันได้รับการซ่อม”

ในด้านของอู่ซ่อมที่ถูกน้ำท่วม อาจทำให้ช่างซ่อมไม่เพียงพอ คณะกรรมการประกันภัยยานยนต์จะได้หารือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เปิดสอนด้านช่างกล เพื่อให้นำนักศึกษาเข้ามาช่วย เพราะในบางกรณีการซ่อมก็ไม่ซับซ้อนมาก นักศึกษาสามารถซ่อมได้ อีกด้านจะติดต่อกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมาช่วยสอนเรื่องการซ่อม เพื่อเพิ่มบุคลากรพัฒนาฝีมืออีกทางหนึ่งด้วย

ยังได้มีการบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัทสมาชิก ในการจ่ายค่าเสียหายที่ได้ตกลงกันไว้แล้วด้วยว่า จะจ่ายสินไหมค่าซ่อมภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้ตกลงราคาค่าซ่อมกันแล้ว โดยที่ลูกค้าที่รถได้รับความเสียหายเกิน 70% ของทุนประกันขึ้นไป ผู้เอาประกันสามารถเลือกที่จะรับค่าสินไหมทดแทนสิ้นเชิง หรือจะเลือกรับสิทธิ์การซ่อมก็ได้ ซึ่งเป็นข้อตกลงกับทุกบริษัทสมาชิกที่จะปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับความเสียหายของรถยนต์จากน้ำท่วมทั้งระบบ ที่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ไว้นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีประมาณ 20,000 คัน เฉลี่ยค่าซ่อมคันละ 100,000 บาท รวมแล้วเป็นสินไหมทั้งระบบรวม 2,000 ล้านบาท

“ปัญหาคือตัวเลขจริงยังไม่รู้ ซึ่งตอนนี้รถที่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1 บริษัทประกันสมาชิกแจ้งมามีเพียง 4,000 กว่าคันที่เสียหาย ค่าสินไหมแค่ 400 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะแค่ทิพยประกันภัยที่รับประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ไว้ 2% ของทั้งระบบ ก็คิดเป็นสินไหม 70 กว่าล้านบาทแล้ว จากรถที่เสียหายทั้งหมด 700 กว่าคัน จึงเชื่อว่ายังไม่น่าจะเป็นตัวเลขที่แท้จริง”

ที่มา : สยามธุรกิจ