เปิดตัวซีอีโอประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ที่ผ่านมา พร้อมกับภารกิจการปรับปรุงองค์กรภายในเวลา 6 เดือน เพื่อให้มองเห็นทิศทางที่บริษัทประกันชีวิตภายใต้กลุ่มทุน "แปซิฟิค เซ็นจูรี่ กรุ๊ป" (พีซีจี) แห่งนี้จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งผ่านมาเพียงเดือนเดียว ก็เริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน พร้อมกับเตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อการก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ข่าวจากบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ชื่อใหม่สำหรับการดำเนินธุรกิจในไทยแล้ว โดยทางพีซีจี กรุ๊ป ตกลงจะใช้ชื่อ "เอฟดับบลิวดี" ในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ใน 3 ประเทศที่ซื้อกิจการจากไอเอ็นจี กรุ๊ป คือ ฮ่องกง มาเก๊า และไทย โดยในไทยจะใช้ชื่อว่า "เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต" (FWD Life Insurance) ส่วนโลโก้และสี จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
"บริษัทกำหนดจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 สิงหาคม 2556 เพราะตามข้อตกลงกับทางไอเอ็นจี กรุ๊ป ให้เราสามารถใช้ชื่อ ไอเอ็นจีประกันชีวิต และโลโก้สิงโตสีส้ม ได้จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2556 นี้"
ส่วนทิศทางของบริษัทในขณะนี้ หลังจากที่ซีอีโอใหม่เข้ามานั่งบริหาร ก็ได้ปรับเปลี่ยนในหลายๆ เรื่อง เช่น แบบ ประกันภัย ได้ปรับปรุงผลประโยชน์ดีขึ้น โดยนำแบบ ประกันภัย ตัวเดิม ที่ให้ผลตอบแทนดีกับลูกค้า แต่หยุดขายไปกลับมาขายใหม่ เช่น แบบสะสมทรัพย์ระยะสั้น (Short Term) เพราะต้องยอมรับว่า ช่วงที่บริษัทยังไม่เกิดปัญหา ไอเอ็นจีฯ มีแบบ ประกันภัย ประเภทสะสมทรัพย์ระยะสั้น ที่ให้ผลตอบแทนดีๆ กับลูกค้าอยู่หลายแบบ แต่ตอนหลังหยุดขายไป เพราะนโยบายลงทุน เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งผลตอบแทนไม่สูงนัก จึงไม่สามารถขายสะสมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงได้
"แต่เมื่อทีมบริหารใหม่เข้ามา โดยพีซีจีเอง มีความชำนาญด้านการลงทุนอยู่แล้ว เขาก็มองเห็นช่องทางการลงทุนที่เสี่ยงกว่าเดิม แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และยังอยู่ในกรอบเกณฑ์ของ คปภ. จึงปรับการลงทุนใหม่ และนำสะสมทรัพย์ระยะสั้นกลับมาขาย เช่น แบบสะสมทรัพย์ 10/3, หน่วยสะสมทรัพย์ 10/5 (มีเงินปันผล) และหน่วยสะสมทรัพย์ 15/7 เป็นต้น"
นอกจากนี้ ยังได้ปรับโครงสร้างผลประโยชน์ตัวแทนในบางตัว ก็ทำให้การทำงานของตัวแทนฝ่ายขายดีขึ้น และยังทำให้ตัวแทนเดิมที่เคยออกไปเริ่มกลับมาใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า โดยพื้นฐานตัวแทนฝ่ายของไอเอ็นจีฯ แข็งแกร่งพอสมควร และโครงสร้างผลประโยชน์ ก็เป็นโครงสร้างที่ดีที่สุดโครงสร้างหนึ่งในธุรกิจประกันชีวิต ส่งผลให้เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าเบี้ยปีแรก (FYP) ไว้ 74 ล้านบาท สามารถทำผลงานได้ตามเป้าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
"สิ่งที่คุณไมค์ทำคือ การปรับพื้นฐานบริษัทใหม่ ซึ่งจริงๆ เดิมพื้นฐานของไอเอ็นจีฯ มีการวางระบบไว้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อเกิดปัญหาทำให้เกิดการหยุดชะงัก เกิดการตัดผลประโยชน์บางตัวออกไป และบุคลากรที่รู้งานก็ออกไป หรือคนที่อยู่เดิมไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเดิมไม่ได้ให้อำนาจ แต่เมื่อทีมใหม่เข้ามาบริหาร ก็ได้ลงมาดูปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งไหนที่ดีที่เคยหยุดไป ก็กลับมาทำใหม่ และให้อำนาจตัดสินใจให้กระบวนการต่างๆ รวดเร็วขึ้น ก็ทำให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น"
อย่างไรก็ดี ยังไม่อาจจะวางใจได้ว่า ผลงานเดือนมิถุนายนที่เข้าเป้านั้น มาจากการปรับเปลี่ยนทั้งหมดที่กล่าวมาหรือไม่ ยังต้องรอประเมินผล 3 เดือน หากว่าสถานการณ์ยังเป็นไปในทิศทางนี้ จึงจะสามารถวางใจได้ว่าเดินมาถูกทาง และบริษัทดีขึ้นจริง
สำหรับผลประกอบการของไอเอ็นจี ประกันชีวิต จากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม 2556) มีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 4,558.6 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นเบี้ย ประกันภัย ปีแรก (FYP) 934.3 ล้านบาท เติบโต 11% เบี้ย ประกันภัย ต่ออายุ 3,199.7 ล้านบาท เติบโต 6% และเบี้ย ประกันภัย ชำระครั้งเดียว หรือซิงเกิล พรีเมี่ยม (Single Premium) 424.7 ล้านบาท เติบโต 176%
ที่มา : สยามธุรกิจ