เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดว่า ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ คปภ. พร้อมกับผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยไทยภาคเอกชนประมาณ 30-40 บริษัท มีกำหนดการที่จะเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของพม่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมเจรจาหารือถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตัวกฎหมาย ระบบการเงิน โดยเฉพาะคปภ. จะให้ความร่วมมือช่วยเหลือธุรกิจประกันภัยในประเทศพม่าในลักษณะคล้ายพี่เลี้ยง เพื่อยกระดับธุรกิจประกันภัยให้มีความใกล้เคียงกับธุรกิจประกันภัยหลายประเทศในอาเซียน

"ขณะนี้พม่าเป็นประเทศที่น่าจับตามาก โดยเฉพาะเมื่อพม่ามีแผนเปิดประเทศอย่างเต็มตัว นั่นหมายถึงการหลั่งไหลของทุนจากหลายประเทศ ถือเป็นโอกาสของประกันไทยเช่นกัน เพราะเมื่อมีการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ย่อมมีผลโดยตรงต่อความต้องการทำประกันภัย โดยเฉพาะการประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน การประกันภัยชีวิตและทรัพย์สิน" เลขาธิการคปภ.กล่าว

และว่าอย่างไรก็ตาม ผลจากการเข้าพบรมว.คลังพม่า และผลจากการหารือกับธุรกิจประกันภัยในพม่าครั้งนี้ หากมีข้อสรุปก็จะนำไปขยายผลในการประชุมประกันภัยระดับภูมิภาค (ซัมมิท) ที่เมืองไทยเป็นเจ้าภาพเดือนธันวาคมนี้ เพื่อหารืออย่างเป็นทางการอีกรอบ เพราะการประชุมซัมมิทที่จะมีขึ้นนั้น ประเด็นหลักของการหารือ จะเป็นความร่วมมือของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ต่อการดำเนินธุรกิจหลังการเปิดเสรีโดยเฉพาะธุรกิจประกันภัย ขณะเดียวกันเพื่อวางกรอบการทำงานร่วมกันเชิงบูรณาการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันอีกด้วย

ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยของพม่านั้น การดำเนินงานยังขึ้นอยู่กับภาครัฐ หากคปภ.และผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยไทย เข้าไปมีส่วนในการวางรากฐานประกันภัยให้เป็นระบบ จะเอื้อให้ประกันภัยมีความเข้มแข็ง และเมื่อเปิดการแข่งขันเสรีแล้ว จึงสามารถแยกตัวออกมาเป็นธุรกิจประกันภัยได้ ดังนั้นการเข้าไปทำธุรกิจแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องมีหน่วยงานหลักเป็นเจ้าภาพในเชิงประกันภัย และเชื่อว่าแนวทางที่คปภ. จะเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง เพื่อยกระดับธุรกิจประกันภัยจนเป็นที่ยอมรับได้ อีกทั้งแรงดึงดูดการลงทุนด้านประกันภัยในพม่า ยังมาจากประชากรที่มากถึง 60 ล้านคน จากการเปลี่ยนนโยบายเปิดประเทศ บวกความพร้อมด้านทรัพยากรที่จูงใจต่างชาติ และความต้องการโครงสร้างพื้นฐานอย่างไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย

ด้านข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เท่าที่ทราบมีบริษัท 30-40 บริษัท ที่ตอบรับร่วมเดินทางไปกับทาง คปภ. นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจประกันภัยรายใหญ่และรายกลาง ซึ่งคาดหวังจะใช้ไทยเป็นฐานในการต่อยอด เพิ่มโอกาสขยายเครือข่ายธุรกิจประกันภัยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.ทิพยประกันภัย บริษัทวิริยะประกันภัย บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต และ บมจ.ไทยประกันชีวิต เป็นต้น

สำหรับประเภทธุรกิจประกันภัยที่น่าสนใจในประเทศพม่าประกอบด้วย การประกันภัยการขนส่งทางทะเล การประกันภัยรถยนต์ การประกันภัยอุบัติเหตุ รวมถึงการประกันภัยสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยเบ็ดเตล็ดทั่วไป การประกันภัยความรับผิดในการทำเหมืองแร่ การประกันภัยการเดินอากาศ รวมถึงประกันชีวิตและสุขภาพ ที่อาจได้รับความนิยมในจังหวัดที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย เนื่องจากเส้นทางคมนาคมขนส่งยังไม่สะดวกมากนัก และมาตรฐานการรักษาพยาบาลในพม่ายังไม่ครอบคลุม ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ประกันภัยไทยเข้าไปเปิดตลาดภายใน 1-2 ปีนี้

"ที่ผ่านมา พม่าได้เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอกชนยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะชัดเจนเรื่องการเปิดให้ดำเนินกิจการเมื่อใด โดยเฉพาะปัจจุบันเห็นได้จากธุรกิจด้านการรับประกันภัย สำหรับธุรกิจน้ำมัน และก๊าซ ยังคงอยู่ภายใต้การดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัยของรัฐเท่านั้น เบื้องต้นจึงประเมินว่า รัฐบาลของพม่าอาจใช้เวลาปรับกฎเกณฑ์การทำธุรกิจอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือน่าจะเห็นการผ่อนคลายกฎในธุรกิจประกันในปี 2556-2557"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ