10
รถที่ใช้งานบนถนน “ต้องมีประกันภัย พ.ร.บ.” เนื่องจาก กฎหมายบังคับ ให้เจ้าของรถ หรือ ผู้ครอบครองรถทุกคัน ต้องทำ แสดงว่าถ้าไม่มีเราก็ทำผิดกฏหมาย เนื่องจาก ประกันภัย พ.ร.บ. กำหนดว่า “เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถ ทุกคนต้องได้รับการคุ้มครองทันที”
เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 ประกันภัย พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ การคุ้มครองสูงสุดกรณีเสียชีวิต 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บเป็นค่ารักษาพยาบาลสูงสุด ไม่เกิน 80,000 บาท
กรณี ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายที่ต้องรับผิด จะได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 35,000 บาท กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
เมื่อเกิดแล้ว ผู้ประสบภัย “เสียชีวิต” “พ.ร.บ.” จะชดใช้ให้กับทายาทโดยธรรม โดยบริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับ “ทายาทโดยธรรม” ดังนี้
• ผู้เสียชีวิตเป็น “สามีหรือภรรยา” (จดทะเบียนสมรส)
จะจ่ายให้กับ “บุตร” , “คู่สมรส” และหรือ “บิดามารดา” ที่ยังมีชีวิตอยู่
• ผู้เสียชีวิตเป็น “สามีหรือภรรยา” (ไม่จดทะเบียนสมรส)
ถ้าเป็นฝ่ายชาย เสียชีวิต จะจ่ายให้กับ “บิดามารดา” ที่มีชีวิตอยู่ และ “บุตร” ที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของศาล
ถ้าเป็นฝ่ายหญิง เสียชีวิต จะจ่ายให้กับ “บุตร” และ “บิดามารดา” ที่ยังมีชีวิตอยู่
• ผู้เสียชีวิตเป็น “บุตร” (บิดามารดาจดทะเบียนสมรส)
จะจ่ายให้กับ “บิดาและมารดา” ของบุตรที่เสียชีวิต
• ผู้เสียชีวิตเป็น “บุตร” (บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
จะจ่ายให้กับ “มารดาของบุตร” เท่านั้น (แต่หากบิดา เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของศาล จึงมีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทนด้วย)
ดังนั้น เมื่อไหร่ต้องมีการนำรถมาใช้ ผู้ขับขี่ควรระลึกเสมอว่า กรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. ของรถต้องมีความความคุ้มครองอยู่ เพื่อให้ตัวของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือคนเดินถนนมีหลักประกันตามกฎหมาย เพื่อให้ทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนได้รับการคุ้มครอง
“คิดไว้ในใจเราว่า ถ้าไม่มี ประกันภัย พ.ร.บ. เราจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนี้ ทั้งหมด”
เครดิต: สยามอินชัวร์ นิวส์
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์