ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

ข่าวประกันภัยทั่วไป

ฝนตก ยังไง..ยังไง ก็ต้องล้างรถ

การปล่อยให้สิ่งสกปรกหมักหมมอยู่นาน สิ่งสกปรกจะฝังจมลงไปในเนื้อสี การล้างรถอย่างถูกวิธีเป็นประจำ ช่วยให้รถใหม่ ดูดี สะอาดตา ต่อไปได้อีกนาน

ฝนตก ยังไง..ยังไง ก็ต้องล้างรถ

ตุลาคม

8

เสียงบ่นสำหรับเจ้าของรถที่เพิ่งล้างรถมา ยิ่งในช่วงที่ฝนตกบ่อยๆ ย่อมมีโอกาสที่จะต้องขับรถลุยฝน ทั้งที่เพิ่งล้างรถมาแท้ๆ ยังไม่ทันจะได้โชว์หล่อโชว์สวยเลย รถเลอะอีกแล้ว แบบนี้ถือว่าเป็นการเสียแรง หรือเสียเงินล้างรถ โดยเปล่าประโยชน์หรือไม่ หรือไม่ต้องล้างรถซะเลยจะดีกว่าไหม

ฝนตกแล้วก็ยังต้องล้างรถ

เฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ควรจะมีการล้างรถสัปดาห์ละครั้ง และถ้าจะมีการเคลือบแว็กซ์บางๆ อีกชั้นก็ไม่ผิดกติกา แม้ว่าจะเป็นหน้าฝนที่มีฝนตกไม่เว้นแต่ละวัน ล้างรถเสร็จแล้วพอวิ่งออกไปรถก็เปียกและเลอะเทอะก็ตาม เพราะการปล่อยให้สิ่งสกปรกหมักหมมอยู่นานๆ นั้น สิ่งสกปรกเหล่านี้มีโอกาสที่จะฝังจมลงไปในเนื้อสีได้ การล้างรถอย่างถูกวิธีเป็นประจำ ช่วยให้รถใหม่ ดูดี สะอาดตา ต่อไปได้อีกนาน

ล้างรถให้ถูกวิธี รถจะสวย ดูดี ตลอดเวลา



- อย่าล้างรถกลางแดด

อันนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะหยดหรือเม็ดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวสีนั้น มันจะเป็นเสมือน กระจกเลนส์นูนรวมแสง ทำให้เกิดเป็นความร้อนสูงแบบเดียวกันกับที่เราใช้แว่นขยายรวมแสง แล้วสามารถจุดไฟได้

นอกจากนี้ ความร้อนของแสงแดด ยังทำให้น้ำเกาะอยู่บนผิวสีแห้งเร็วกว่าปกติ เกิดคราบสกปรกทิ้งเอาไว้กลายเป็นรอยด่างบนสีรถ และรอยคราบเหล่านี้ก็กำจัดไม่ได้ง่ายๆ อีกด้วย



- ไม่ควรฉีดน้ำเข้าใส่ตัวรถโดยตรง

ก่อนที่จะลงมือล้างรถ ควรฉีดน้ำให้รถเปียกทั่วคัน เพื่อให้เจ้าสิ่งสกปรกที่เกาะผิวสีละลายหรืออ่อนตัว ง่ายต่อการล้างและไม่ทำให้เกิดเป็นรอยขีดข่วนขณะล้างออก และการล้างรถที่ดีนั้น ควรฉีดน้ำให้เป็นฝอยละอองคลุมตัวรถทั้งคันมากกว่า หรือถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรเป็นน้ำที่มีแรงดันต่ำ ใช้เพียงน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกทั่วไป เพราะตัวถังรถตลอดจนส่วนประกอบต่างๆ มันมีซอกมุมและช่องอยู่เยอะแยะ เช่น ขอบคิ้ว ยางขอบประตู โคมไฟหน้า ไฟหรี่ หรือไฟท้าย โดยทั่วไปมันก็สามารถป้องกันการรั่วซึมของของน้ำได้ดีพอสมควร แต่ถ้าเจอกับน้ำแรงดันสูงก็อาจสูญเสียประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำไปก็ได้

อีกทั้งเมื่อน้ำหรือความชื้นสามารถแทรกตัวเข้าไป จนทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าเข้าไปในโคมไฟ ก็ทำให้เกิดเชื้อรา เป็นสนิม จานฉายขุ่นมัว หรือเข้าไปขังตามขอบประตูเกิดสนิมได้ ระบบเซ็นทรัลล็อค น้ำที่แทรกยางขอบประตูเข้าไปได้ ก็จะทำให้พรมเปียกชื้น เกิดเป็นกลิ่นอับขึ้นมา

บริเวณที่ควรจะใช้น้ำแรงดันสูง ควรใช้เฉพาะบริเวณใต้ท้องรถ และแถวใต้บังโคลน เป็นบริเวณที่ล้อมักติดเอาเศษดินเศษโคลนขึ้นมาติดอยู่เป็นประจำ

- อย่าใช้ผงหรือน้ำยาซักฟอก

ไม่ควรใช้ผงซักฟอกในการล้างรถ เพราะเคมีภัณฑ์สำหรับซักฟอกสามารถทำให้สีเสียหาย บริเวณสีที่ถูกผงซักฟอกมักจะเกิดเป็นรอยด่าง สารซักฟอกจะไปกัดเอาส่วนที่เคลือบป้องกันสีให้หลุดลอกออกมาอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นการล้างกันชนแถวชายล่างของตัวรถ หรือแม้แต่กระทะล้อแม็กก็ตาม เพราะกระทะล้อแม็กก็มีการเคลือบสีป้องกันเช่นเดียวกับตัวถังรถ ส่วนที่สามารถใช้ผงซักฟอกได้ น่าจะมีเฉพาะยางรถเท่านั้น ควรใช้แชมพูสำหรับล้างรถ



- ผ้าล้างรถควรนุ่มและซึมซับ

ผ้าที่เหมาะสมในการใช้ล้างรถ ควรเป็นผ้าที่มีลักษณะนุ่ม สามารถซึมซับน้ำได้ดี ไม่เป็นขุย ไม่ทิ้งขนไว้บนตัวรถ และที่สำคัญคือต้องเป็นผ้าสะอาด อย่าคิดว่าตัวรถเลาะแล้วใช้ผ้าสกปรกก็ไม่ไร เนื่องจากผ้าสกปรกอาจมีสารเคมี หรือวัสดุแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อสีติดมาด้วย และระหว่างล้างรถควรจะหมั่นทำความสะอาดผ้า พร้อมทั้งสลัดผ้าเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและเม็ดกรวดทรายติดผ้า สร้างริ้วรอยให้กับสีรถ

- ล้างแล้วอย่าเพิ่งรีบเก็บ

ควรหลีกเลี่ยงการล้างรถตอนกลางคืน โดยเฉพาะล้างรถเสร็จแล้วจอดเก็บเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้เอาออกไปวิ่งที่ไหน เนื่องจากจะมีความชื้นจากน้ำที่ตกค้างตามซอกมุมต่างๆ อาจทำให้สีด่างเป็นรอย เกิดสนิม เกิดกลิ่นอับในรถ หรือมีปัญหากับเบรค ด้วยเหตุนี้หลังจากล้างรถจึงควรเช็ดรถให้แห้ง ทั้งภายนอกตัวรถ ขอบประตู ตลอดจนซอกมุมต่างๆ ฝากระโปรงหน้าและหลังควรเปิดยกขึ้น เผื่อมีน้ำเล็ดลอดเข้าไปซุกอยู่ตามตะเข็บจะได้ไหลออกมา เพราะฝากระโปรงเหล่านี้มักเป็นแบบ 2 ชั้นมีโครงอยู่ด้านในทำให้มีซอกมุมค่อนข้างเยอะ และก่อนนำรถเข้าเก็บ ถ้ามีการแล่นขยับเดินหน้าถอยหลังพร้อมเบรคซักสองสามเที่ยว จะช่วยให้น้ำที่ค้างตามซอกมุมไหลออกมา และลดความชื้นของผ้าเบรค ไม่ให้เกิดอาการเบรคติด เป็นสนิม หรือส่งเสียงดังยามเบรค

- ลงแว็กซ์เพิ่มความเงางามและปกป้องสี

ถ้าเป็นไปได้ควรลงแว็กซ์บางๆ กันทุกสัปดาห์ หรือก่อนการเดินทางออกต่างจังหวัด แม้รถคันนั้นจะมีการเคลือบสีเพิ่มเติมมาแล้ว ต้องแน่ใจว่าตัวถังรถสะอาด มิฉะนั้นการลงแว็กซ์จะกลายเป็นการหุ้มสิ่งสกปรกค้างไว้กับตัวรถ เพราะแว็กซ์ที่เคลือบสีเอาไว้จะช่วยปกป้องสีเพิ่มขึ้นอีกชั้น ยิ่งเป็นการท่องเที่ยวแถบชายทะเล และความลื่นของแว็กซ์จะช่วยป้องกันการกระทบกระทั่งของเศษหิน

- รถใหม่ควรเคลือบสี

ปกติผิวนอกสุดของสีรถทั่วไป ส่วนใหญ่จะได้รับการเคลือบพวกเคลียร์โค้ทเอาไว้ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเกราะแข็งสามารถปกป้องสีรถอยู่แล้ว ยกเว้นเกิดความไม่แน่ใจ หรือต้องการความสบายใจ จะทำการเคลือบสีซ้ำอีกครั้งก็ได้ คุณสมบัติของสารเคลือบสีนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีอายุการใช้งานเต็มประสิทธิภาพประมาณ 6 เดือนเท่านั้น

เครดิต: ยานยนต์

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์