17
ถ้าคุณหมอเขียนใบสั่งยาให้ผู้ป่วยไป ออกกำลังกาย อย่างจริงจัง เช่น เดินเร็วๆ หรือวิ่งเหยาะๆ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาทีได้ก็คงจะดี เพราะเป็นเรื่องจริงทีเดียว ที่ การ ออกกำลังกาย ที่เหมาะสมสามารถป้องกันและรักษาโรคได้หลายอย่าง ไม่ต่างจากการรับประทานยาราคาแพงเลยทีเดียว เรียกได้ว่าการออกกำลังกายเป็นดั่งยาวิเศษขนานแท้จริงๆ
ในปี พ.ศ.2546 สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาได้ทำการวิเคราะห์งานวิจัย ที่รวบรวมการทดสอบการออกกำลังกายทั้งสิ้น 52 ประเภท ใช้เวลามากกว่า 12 สัปดาห์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานวิจัยทั้งหมด 4,700 คนผลสรุปที่ได้แสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกาย ช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจขาดเลือดโดยรวมทั้งหมด ทั้งยังช่วยควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิเคราะห์งานวิจัยจำนวน 51 รายงาน รวบรวมผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เข้าร่วมงานวิจัย จำนวน 8,440 คน และใช้เวลาในการวิจัยนานกว่าสองปีครึ่ง ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวช่วยลดการเสียชีวิตได้ ร้อยละ 27 เลยทีเดียว มากกว่าการรับประทานยาราคาแพงบางชนิดเสียอีก
กิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และหลอดเลือดสมองได้อย่างน้อยร้อยละ 20 นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และหลีกเลี่ยงภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม ภาวะกระดูกหักเนื่องจากกระดูกอ่อนแอลงตามวัย และภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ศึกษาจากกลุ่มผู้สูงอายุ 156 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้รับการบำบัดรักษาด้วยการออกกำลังกาย ยาต้านอาการซึมเศร้า หรือทั้งสองอย่างควบคู่กัน โดยการออกกำลังกายนั้นประกอบด้วยการเดิน 30 นาที หรือวิ่งเหยาะๆ หนึ่งรอบสนาม สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผ่านไป 4 เดือน ผลพบว่า ร้อยละ 60 ของผู้ที่ออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประทานยา ไม่มีอาการซึมเศร้าอีกต่อไป
มีรายงานว่า ความเสี่ยงของภาวะความจำเสื่อม จากผู้เข้าร่วมการวิจัยที่อายุ 55 ปีขึ้นไป ประมาณ 3,900 คน ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนัก นอกจากนี้ยังพบว่า การออกกำลังกาย ยังช่วยชะลอหรือหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นของ โรคเบาหวาน โดยบทสรุปจาก สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา เผยให้เห็นว่า การลดน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 4 กิโลกรัม และการเดินสัปดาห์ละประมาณ 9.6 กิโลเมตร ช่วย ลดการเริ่มต้นของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ร้อยละ 58 ในบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้สูง เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลตัวเองตามปกติ
ได้เริ่มมีคำแนะนำเกณฑ์ขั้นต่ำในการออกกำลังกายที่ช่วยให้สุขภาพดี ไว้ที่สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับการออกกำลังกายแบบ แอโรบิกระดับกลาง (moderate intensity dynamic aerobic exercise) ตัวอย่างเช่น การเดินเร็วๆ การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน หรือทำสวนประมาณวันละ 20 นาที คำแนะนำสำหรับผู้ที่ปกติแล้วไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก คือ ให้เริ่มทำอย่างช้าๆ อย่าหักโหมมากเกินไป หรือเร่งความเร็วจนเกินไป โดยในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ต้องคุมความดันให้ดีก่อน
จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ ทางกาย และจิตใจ นอกเหนือไปจากเพื่อการลดน้ำหนักอย่างที่เราเข้าใจกันทั่วๆ ไป ซึ่งหาก การออกกำลังกาย เป็นสินค้าที่สามารถอัดเม็ด หรือผสมเป็นน้ำได้ หมอคงได้สั่งจ่ายให้ผู้ป่วยแทบทุกคน และใช้มากที่สุดในโลกไปแล้ว ดังนั้น การออกกำลังกาย จึงต้องเห็นความสำคัญ และลงมือทำกันอย่างจริงจังด้วยตัวเอง ยาวิเศษ ขนานนี้ถึงจะใช้ได้ผล
เครดิต: HealthToday
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์