6
ธุรกิจ ประกันภัย กระเพื่อมอีกยก เมื่อบริษัทเครืออาคเนย์ จำกัด (SEG) กลุ่มธุรกิจการเงิน ได้ขยายธุรกิจครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการขยับเข้าควบรวมกับ บมจ.ไทยประกันภัย (TIC) โดย ไทยประกันภัย ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบแผนการดำเนินธุรกิจร่วมกันกับ บริษัทเครืออาคเนย์ ตามที่ เครืออาคเนย์ ได้ส่งข้อเสนอการเข้าเป็นพันธมิตร ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างกิจการ โดยให้บริษัทเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนกับ เครืออาคเนย์
ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างกิจการ ทาง ไทยประกันภัย จะจัดตั้งบมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ ขึ้นมา โดยมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท เพื่อทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ ไทยประกันภัย โดยการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน เพื่อแลกหุ้นในอัตรา 1 หุ้นสามัญ ของบริษัทเครือไทยโฮลดิ้งส์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ของ ไทยประกันภัย และ 1 หุ้นบุริมสิทธิของ เครือไทย โฮลดิ้งส์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ของ ไทยประกันภัย
ไทยประกันภัย ชี้แจงว่า แผนการปรับโครงสร้างกิจการ จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจในด้านต่างๆ และช่วยเปิดโอกาสในการพิจารณาการลงทุนในธุรกิจ ประกันภัย และธุรกิจอื่นๆ ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ อีกทั้งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นของโครงสร้างการจัดการขององค์กร เพื่อให้เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจในอนาคต
การที่กลุ่มบริษัทเครือ อาคเนย์ เข้าควบรวม ไทยประกันภัย จะยิ่งทำให้ อาคเนย์ประกันภัย เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขึ้น หลังจากตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เติบโตในอัตราที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยบางปีเติบโตถึง 50% จากการขยายธุรกิจในเชิงรุก โดยเฉพาะในตลาด ประกันภัยรถยนต์ ที่ใช้กลยุทธ์ด้าน “ราคา” เป็นตัวนำ ทำให้ได้เบี้ย ประกันภัย เข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น และอันดับทางการตลาดขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปีที่ผ่านมาตามข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) บริษัทมีเบี้ย ประกันภัย 10,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.38% มีส่วนแบ่งการตลาด 4.74% อยู่อันดับที่ 5 เทียบกับปี 2559 อยู่อันดับที่ 6 โดยในตลาด ประกันภัยรถยนต์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 เป็นรองแค่ บมจ.วิริยะประกันภัย เท่านั้น จากที่ก่อนหน้านั้นอยู่ที่อันดับ 6
ส่วน ไทยประกันภัย จัดอยู่ในกลุ่ม บริษัทประกันภัย ขนาดกลาง โดยในปีที่ผ่านมามี เบี้ยประกันภัย 2,259.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.136 มีส่วนแบ่งการตลาด 1.03% อยู่อันดับที่ 29 ซึ่งหากคำนวณคร่าวๆ การควบรวมกันในครั้งนี้ ทำให้ อาคเนย์ประกันภัย มีเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้นเป็น 12,600 กว่าล้านบาท มากกว่า บมจ.เมืองไทยประกันภัย ที่อยู่ในอันดับ 4 เล็กน้อย
ด้าน นายอานนท์ วังวสุ เลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า เชื่อว่าจะเห็นการควบรวมกิจการกันมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง เพราะไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบด้านการแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่ำกว่ามาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม บริษัทขนาดเล็ก มีเบี้ย ประกันภัย ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท บริษัทขนาดกลาง มีเบี้ย ประกันภัย ระดับ 1,000-5,000 ล้านบาท และ บริษัทขนาดใหญ่ มีเบี้ย ประกันภัย ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยบริษัทขนาดเล็กมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงมาก อาจจะถึง 40% เมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ต่ำกว่า 20% โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่สามารถจะอยู่ในการแข่งขันได้ ต้องอยู่ที่ประมาณ 18-20%
แนวทางการควบรวมที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ควบรวมคือ ต้องควบรวมกับบริษัทที่มีจุดแข็งที่บริษัทนั้นๆ ยังไม่มี เอาจุดแข็งมาเสริมจุดอ่อน ยกตัวอย่าง บริษัทที่ทำ ประกันภัยรถยนต์ อาจจะต้องการควบรวมกับบริษัทที่มีงาน ประกันนอน มอเตอร์ เยอะ อาทิ ประกันสุขภาพ หรือต้องการบริษัทที่ทำธุรกิจผ่านออนไลน์ เป็นต้น
เครดิต: สยามอินชัวร์ นิวส์
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์