20
"อาหารเช้า" ถือว่าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญมากที่สุด แต่ด้วยชีวิตที่เร่งรีบ จนทำให้พลาดมื้ออาหารที่สำคัญไป บางคนเลือกที่จะทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ เร็วๆ และไม่ได้ใส่ใจในคุณค่าทางอาหาร จากการสำรวจพบว่าคนทำงาน มีเพียงครึ่งเดียวที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ แต่เด็กในวัยเรียนร้อยละ 30 โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ไม่กินอาหารเช้า ซึ่งกรมอนามัยได้เปิดเผยว่า หากไม่รับประทานอาหารเช้า อาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
จากผลสำรวจพฤติกรรมการกินอาหารเช้า โดยสำนักโภชนาการกรมอนามัย พบว่ากลุ่มวัยทำงานอายุระหว่าง 20-60 ปี ร้อยละ 59.55 กินอาหารเช้าเป็นประจำ ส่วนร้อยละ 24.09 กินอาหารเช้าเกือบทุกวัน ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเพศชายและเพศหญิง พบว่า เพศชายกินอาหารเช้าทุกวัน มากกว่าเพศหญิงร้อยละ 64 ในขณะที่เพศหญิงกินอาหารเช้าร้อยละ 57.24
การไม่รับประทานอาหารเช้า จะส่งผลให้การเริ่มต้นระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานช้าลง ร่างกายจึงรู้สึกหิวตลอดเวลา และกินอาหารในมื้อถัดไปมากยิ่งขึ้น กินจุบกินจิบ และมักเลือกเมนูอาหารที่ให้พลังงานสูง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การอดอาหารเช้า ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน เนื่องจากคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ จะลดภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือภาวะดื้อของอินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35-50 และผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกายังพบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมอง และโรคหัวใจอีกด้วย
โดยเฉพาะมื้อเช้าซึ่งถือเป็นมือที่สำคัญมาก หากไม่มีเวลาเตรียมอาหารเช้าก็ควรเพิ่มเวลาสัก 10-20 นาที เพื่อออกไปเลือกเมนูอาหารเช้าที่เหมาะสมนอกบ้าน เพราะทุกวัยโดยเฉพาะเด็กวัยเรียนเป็นวัยที่ต้องการพลังงาน สารอาหารที่ครบถ้วน และหลากหลายให้เพียงพอต่อร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงน้ำอัดลม ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนของเด็กไทย พร้อมทั้งควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพราะการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ทำให้สมองสามารถเรียนรู้ จดจำ มีสมาธิ พร้อมเริ่มวันใหม่ ตลอดจนทำกิจกรรมการเรียนรู้กับเพื่อนได้อย่างดี ควบคู่กับสุขภาพ แข็งแรงอีกด้วย
สำหรับการเตรียมอาหารเช้าให้เด็กวัยเรียน ต้องเป็นเมนูที่ถูกหลักโภชนาการ มีโปรตีนสูง และเตรียมง่าย เช่น ข้าวต้มเครื่อง โจ๊ก ข้าวผัด อาหารประเภทซีเรียลผสมนมรสจืด ขนมปังแซนด์วิช สำหรับข้าวเหนียว- หมูปิ้ง ซึ่งเป็นเมนูอาหารเช้าที่หาซื้อได้ง่าย ต้องเลือกเป็นหมูปิ้งที่ไม่ติดมัน ไม่ใหม้เกรียมจนเกินไป และควรเพิ่มผักสด เพื่อเป็นการฝึกให้เด็กกินผักด้วย ควรใช้ผักที่ไม่มีกลิ่นฉุน และรสขม เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักบุ้ง แครอท ที่สำคัญควรเตรียมนมรสจืด 1 กล่อง และผลไม้ประมาณ 1 ผล เช่น ส้ม แอปเปิล ชมพู เพื่อให้เด็กได้คุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมและครบถ้วน
อาหารเช้าถือว่าเป็นมื้อที่มีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย และให้พลังงานประมาณ 400-450 กิโลแคลอรี ควรเลือกอาหารเช้าให้มีความหลากหลาย ปรุงสุก สด ใหม่เสมอ หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป เพราะมีสารอาหารที่มีประโยชน์น้อย และมีโซเดียมสูง แต่สามารถเลือกซื้ออาหารปรุงสำเร็จที่มีขายทั่วไปได้ เช่นข้าวต้มหมู ไก่ ข้าวผัดหมูใส่ไข่ ข้าวไข่เจียว บะหมี่ผัด ข้าวหมูทอด และเพิ่มผักสด ผลไม้สด เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน
เครดิต: สุขภาพ (DECEMBER 2017)
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์