ค่ายบิ๊กขยับขึ้นเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ หลังต้นทุนพุ่งพรวด ผลพวงอู่ห้างขึ้นค่าแรง ค่าอะไหล่ 3-5% “เมืองไทย” ขึ้นเบี้ยต่ำสุด 3% สูงสุด 10% ย้ำเฉพาะบางกลุ่มสินไหมแตะ 65% พร้อมลดเบี้ย รถยนต์ ที่มีสินไหมต่ำ ส่วนใหญ่วิ่งในต่างจังหวัด ด้านกรุงเทพประกันภัยเผย ปรับราคาตั้งแต่ปีก่อน กลุ่มรถขนาดกลางและกลุ่มราคา 3-4 ล้าน เชื่ออีกหลายค่ายอยู่ไม่ได้ ต้องขึ้นราคา เพราะเจ็บหนักจากเกมตัดเบี้ยรุนแรง

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับพอร์ตงาน ประกันภัย บางกลุ่มให้สอดรับกับความเสี่ยงของลูกค้ามากขึ้น หลังจากเห็นผลประกอบการมา 2 ปี หากมีอัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ดี บริษัทจะปรับเบี้ย ประกันภัย ลดลง ตรงกันข้ามหากกลุ่มไหนมีอัตราสินไหมสูง จะปรับเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้น เป็นการคัดเลือกลูกค้า สร้างความสมดุลย์ให้กับพอร์ต อาทิ ประกันภัยรถยนต์ มีทั้งปรับเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้นและลดลงในบางช่องทางจัดจำหน่าย และบางกลุ่มรถ หรืออาจจะปรับเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานครหรือต่างจังหวัด เป็นต้น

“มีปรับหลายกลุ่ม ทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างที่บอก ในแง่การปรับขึ้นก็สอดคล้องกับต้นทุน วันนี้เราได้รับจดหมายแจ้งขึ้นราคาค่าอะไหล่ 5% ค่าแรง 3% ของศูนย์บริการแทบจะทุกยี่ห้อ ดังนั้น รถยนต์ ที่ซ่อมศูนย์มีแนวโน้มเบี้ย ประกันภัย จะต้องขยับขึ้นแทบจะทุกที่ตามค่าแรง ค่าอะไหล่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเอามาประมวลผลเพื่อสะท้อนกับต้นทุนความเสี่ยง ตัว Loss Ratio ก็ส่วนหนึ่ง ต้นทุนการซ่อมก็ส่วนหนึ่งที่จะขยับตามค่าแรง ค่าอะไหล่ที่เขาปรับขึ้น Loss บริหารได้จากภายใน ด้วย Loss ไม่เกิน 65% เราก็ปรับแล้ว”

บริษัททยอยปรับเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เฉลี่ย 3% 5% 10% ซึ่งก็ต้องมาดูบริษัท ประกันภัย อื่นๆ มีการปรับเบี้ย ประกันภัย หรือไม่ ซึ่งยังไม่ทราบของบริษัทอื่น แต่สำหรับ เมืองไทยประกันภัย เมื่อดูตัวเลขแล้ว ถึงเวลาต้องปรับ

ส่วนการปรับเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ลดลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถใช้งานในต่างจังหวัด ซึ่งแนวโน้มมองว่าเป็นกลุ่ม รถยนต์ ที่มีความเสี่ยงที่ดี ในเรื่องของค่าซ่อม รถยนต์ ในต่างจังหวัด บริหารจัดการง่ายกว่า รถยนต์ ในกรุงเทพฯ อีกทั้งความถี่ในการเกิดเหตุน้อยกว่า

ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2560 เมืองไทยประกันภัย มีกำไรสุทธิ 172.75 ล้านบาท ลดลง 37.14 ล้านบาท หรือ 17.69% เทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 209.89 ล้านบาท

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า บริษัทมีการปรับเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้นเช่นกัน เฉพาะบางรุ่นที่วิเคราะห์แล้วพบว่า Loss Ratio ค่อนข้างสูง อาทิ รถยนต์ ขนาดกลางบางยี่ห้อ รถยนต์ ที่มีทุนประกันภัยค่อนข้างสูง ประมาณ 3-4 ล้านบาท โดยทยอยปรับเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ในปีที่ผ่านมา เบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ของบริษัทติดลบ ซึ่งหลังจากปรับแล้ว เริ่มติดลบน้อยลงในปีนี้

“เชื่อว่าแนวโน้มในตลาดน่าจะมีการปรับเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้น เพราะมีหลายบริษัทที่เจ็บตัวจากการแข่งขัน แต่ยังมีบางบริษัทที่ต้องการเติบโตอย่างชัดเจนอยู่ต้องเล่นราคา”

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์