โตเกียวมารีนประกันภัยฉลุย กำไรสุทธิปีที่ผ่านมา 504 ล้าน เชื่อภาพรวม ศก.ไทยปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ไม่น้อยกว่า 2-3% หรือคิดเป็นรายได้เบี้ย ประกันภัย รับตรงราว 7,800 ล้านบาท พร้อมสยายปีกรุกธุรกิจประกันวินาศภัยกลุ่มลุ่มน้ำโขง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด( มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาว่า บริษัทมีรายได้เบี้ย ประกันภัย รับรวมอยู่ที่ 7,876 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.9% เมื่อเทียบกับปี 2558 เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศ โดยมีกำไรสุทธิ 504 ล้านบาท แต่ยังคงรักษาความเป็นที่ 1 ในธุรกิจ ประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล ไว้ด้วยเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 866 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.75%

สำหรับผลประกอบการประกันวินาศภัยประเภทอื่นๆ คือ ประกันภัยรถยนต์ มีรายได้เบี้ยรับรวม 3,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% ประกันอัคคีภัย มีเบี้ยรับรวม 28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และสุดท้ายกลุ่ม ประกันภัยเบ็ดเตล็ด มีเบี้ยรับรวม 3,192 ล้านบาท ลดลง 3.5% อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อมั่นว่า ปีนี้รายได้เบี้ยประกันรับตรงจะปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 2-3% คิดเป็นรายได้เบี้ยรับรวมตรงไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายธุรกิจประกันวินาศภัยสู่ประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขง อย่าง เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา และลาว และบริหารช่องทางขายหลักผ่านตัวแทนและโบรกเกอร์

การขยายธุรกิจสู่ประเทศลุ่มน้ำโขง เนื่องจากในส่วนธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่นเองในไทย บริษัทโตเกียวฯ จะมีฐานลูกค้าโรงงานผลิตชิ้นส่วน รถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากอยู่แล้ว และการลงทุนจากบริษัทญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่พีคเรียบร้อยแล้ว เรามองว่า บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเกือบครบหน้าแล้ว ในระยะสั้นคงไม่มีหน้าใหม่เข้ามาในประเทศไทย เพราะฉะนั้นโอกาสการลงทุนจึงน่าจะอยู่ที่กลุ่มลุ่มน้ำโขงมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับในการเข้าไปลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในประเทศพม่า นอกจากนี้บริษัทยังแผนการนำเสนอสินค้าผ่านช่องทาง แบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งเชื่อว่ายังมีโอกาสสร้างการเติบโตได้อีกมากมาย

สำหรับในการร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวเสริมว่า “บริษัทพร้อมนำความเชี่ยวชาญระดับสากล มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริหารให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยปัจจุบันโตเกียวมารีนกรุ๊ปในญี่ปุ่น ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมา เพื่อศึกษาและพัฒนาโครงการด้านดิจิทัลและนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ จากการศึกษาและพัฒนาไปใช้ในธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทแล้ว คาดว่าในอนาคตเราจะสามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในไทยเช่นกัน

นอกจากนี้ การผนึกพลังร่วมกับ โตเกียวมารีนกรุ๊ป ซึ่งมีเครือข่ายใน 38 ประเทศ ส่งผลให้กลุ่มโตเกียวมารีนฯ มีความเข้มแข็งและฐานะการเงินที่มั่นคง ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก ซึ่งโตเกียวมารีนประกันภัยในไทยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรทติ้ง) ระดับ A+ จากสถาบัน S&P เรามีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เป็นทางเลือกให้กับลูกค้า รวมถึงการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ในอนาคตกลุ่มบริษัทโตเกียวมารีนในทวีปเอเชีย วางแผนที่จะประสานความร่วมมือกันในการพัฒนาระบบไอทีและดิจิทัล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาค และการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต”

ด้านนวัตกรรมนั้น บริษัทได้นำระบบ “Tokio Marine Smile Claim” ระบบจ่ายงานอัจฉริยะ โดยใช้ GMS Application (GPS and Mobile System) ในการทำงาน เพื่อให้ข้อมูลการทำงานของระบบดังกล่าวแก่กลุ่มลูกค้า ถือเป็นการให้บริการจัดส่งและติดตามเจ้าหน้าที่สำรวจภัย โดยเลือกจัดส่งพนักงานที่สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็วที่สุด พร้อมส่งข้อมูลรายละเอียดความคุ้มครอง ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และระบบนำทาง ให้กับเจ้าหน้าที่สำรวจภัย ใช้งานผ่านอุปกรณ์แท็บเล็ตที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามตำแหน่งของเจ้าหน้าที่สำรวจภัยได้แบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้บริการแก่ลูกค้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

เครดิต : เส้นทางนักขาย

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์