อุบัติเหตุบนท้องถนน ถือเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะต้องเสียทั้งเวลา ทรัพย์สิน หนักกว่านั้นก็ต้องเจ็บตัวกันไปด้วย ซึ่งกฏหมายในปัจจุบันก็พยายามออกมาควบคุมทั้งความเร็ว และเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนให้ตระหนักกันมากขึ้น แต่ถ้าว่าเราต้องโชคร้าย ต้องเจออุบัติเหตุบนท้องถนนหรือแม้แต่จอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วเมื่อคุณออกมาพบว่า รถยนต์ มีร่องรอยการเฉี่ยวชน แถม ซ้ำร้าย ชนแล้วหนี แบบที่คู่กรณีไม่คิดจะแสดงความรับผิดชอบ หนีหายไป เราก็คงจะต้องกุมขมับแน่ๆ ที่พึ่งเดียวของคุณก็คงจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ ที่คุณได้ทำไว้

สำหรับวิธีรับมือ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ และความรู้ดีๆ เกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์ แต่ละประเภทจะคุ้มครองคุณอย่างไรบ้าง เมื่อเกิดกรณี "ชนแล้วหนี"

เมื่อคุณโดนเฉี่ยว ชนแล้วหนี สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตั้งสติ และตรวจเช็ก ประกันภัยรถยนต์ ของคุณว่าเป็นประเภทไหน ซึ่งในปัจจุบัน ประกันภัยรถยนต์ แบ่งออกเป็น ชั้น 1, 2, 3, 3+ แต่ละประเภทมีการคุ้มครองที่แตกต่างกันดังนี้

  • ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1 ประกันภัย ชนิดนี้จะคุ้มครองคุณในทุกๆ กรณี ดังนั้นคุณก็จะอุ่นใจได้ว่า ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม รถยนต์ ของคุณเองอย่างแน่นอน

  • ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ ประกันภัย ชนิดนี้ต่างจากอันแรกตรงที่ จะคุ้มครองเมื่อมีคู่กรณีเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณสามารถระบุ ทะเบียนรถ ของผู้ที่เฉี่ยวชนได้ ก็จะสามารถเคลม ประกันภัย ได้ ดังนั้นหากคุณอยู่ในที่ขณะเกิดเหตุ ควรรีบสังเกต ถ่ายรูป หรือจดเลข ทะเบียนรถ คู่กรณีไว้ อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยคุณได้คือการ ติดกล้องหน้ารถ ที่จะช่วยชี้ตัว และระบุคู่กรณี ให้คุณได้ ทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเอง

  • ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3+ เป็น ประกันภัย ที่คุ้มครองคุณในกรณีของการชนแล้วหนี เช่นเดียวกับชั้น 2+ คือถ้าคุณสามารถระบุ เลข ทะเบียนรถ คู่กรณีได้ คุณก็สามารถแจ้งเคลม ประกันภัย ได้เช่นกัน

  • ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 เป็น ประกันภัย ที่จะคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณทำ ประกันภัย ชนิดนี้ไว้ ก็คงต้องยอมทำใจ จ่ายค่าซ่อมเองไปตามระเบียบ

เมื่อคุณตรวจเช็ก ประกันภัย เรียบร้อยแล้ว หากคุณอยู่ในความคุ้มครองของ ประกันภัย ก็ควรรีบโทรแจ้ง ประกันภัย เพื่อขอรับความคุ้มครอง ในส่วนของ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็คือ ใบแจ้งความลงบันทึกจากเจ้าหน้าที่ ส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของ ประกันภัย ที่จะตามหาคู่กรณีเอง

สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น2+ และ 3+ สิ่งที่คุณต้องเตรียมให้กับเจ้าหน้าที่ก็จะยุ่งยากกว่า ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1 เล็กน้อย ตรงที่คุณต้องเตรียมหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนของคู่กรณีให้ได้ นอกเหนือจาก ใบลงบันทึกประจำวัน ของเจ้าหน้าที่

แน่นอนว่าอย่าลืมแจ้งความและลง บันทึกประจำวัน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ด้วย ซึ่งจะเป็นการยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสถานที่และเวลา รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะเป็นประโยชน์ในการตามหาคู่กรณีต่อไป

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ