ในวงการ ประกันชีวิต มักจะมีเรื่องบอกเล่าประสบการณ์ ประกันชีวิต อันไม่โสภา (เรื่องดีเรื่องชมมักไม่ค่อยพูด) ซึ่งส่วนใหญ่พอจะจับประเด็นได้ว่า ไม่เข้าใจในสาระสำคัญของการ ประกันชีวิต

กรณีตัวอย่าง เกี่ยวกับ ความจำเป็นในการแถลงข้อเท็จจริง ในใบคำขอเอา ประกันชีวิต ว่ามีความสำคัญและจำเป็นอย่างไร ถ้าไม่แถลงเท็จจะส่งผลเสียอย่างไร ซึ่งกรณีต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผ่านฎีกาฟ้องร้องมาแล้ว

นายสมบัติ (นามสมมุติ) ได้ทำ ประกันชีวิต ไว้กับ บริษัท จ.รับประกันชีวิต โดยแถลงในใบคำขอเกี่ยวกับสุขภาพว่าสมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่เคยได้รับการผ่าตัด หรือเข้ารักษาตัวด้วยโรคใด อีก 1 ปีให้หลัง นายสมบัติ ได้เสียชีวิตจากโรคตับอักเสบ บริษัท จ.รับประกันชีวิต ได้ตรวจสอบประวัติผู้เอา ประกันภัย และพบว่า นายสมบัติ ได้ป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง และเคยรับการรักษาตัวด้วยโรคตับอักเสบเมื่อสองปีก่อนทำประกันชีวิต บริษัท จ.รับประกันชีวิต จึงได้อาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 บอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว เท่ากับปฏิเสธการจ่ายสินไหมมรณกรรม และได้ดำเนินการตามกฎหมายมาตรา 892 คืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ ประกันชีวิต ให้แก่เบี้ย ประกันชีวิต ทายาทของผู้เอา ประกันภัย

จะเห็นได้ว่า เหตุแถลงเท็จได้ส่งผลกระทบต่อสัญญา ประกันชีวิต เป็นอย่างมาก เนื่องจากสัญญา ประกันชีวิต นั้นตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความสุจริตอย่างยิ่ง คู่กรณีในสัญญา ประกันชีวิต จะต้องปฏิบัติต่อกันโดยสุจริต ผู้เอา ประกันภัย มีหน้าที่จะต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อให้ผู้รับ ประกันชีวิต ทราบ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณารับ ประกันภัย หรือกำหนดเงื่อนไขจำนวนเบี้ย ประกันชีวิต ที่เหมาะสมต่อการรับประกันชีวิต หากผู้เอา ประกันภัย ละเลยไม่เปิดเผยข้อความจริง หรือจงใจปกปิดเพื่อประโยชน์ของตนแล้ว จึงเท่ากับไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ครบถ้วน ส่งผลให้สัญญาที่ตกลงทำไว้เป็น โมฆียะ

เพิ่มเติม สำหรับกรณีผู้เอา ประกันชีวิต บางท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ตนเองป่วยแต่จงใจปกปิดความจริง อาจจะด้วยเกรงเรื่องการเพิ่มเบี้ย ประกันชีวิต หรือเกรงว่าบริษัทจะไม่รับ ประกันชีวิต เนื่องจากไม่สามารถรับความเสี่ยงภัยได้นั้น เมื่อบริษัทไม่ทราบความจริงและได้อนุมัติกรมธรรม์ ประกันชีวิต จนผ่านพ้นไปแล้ว 2 ปี จริงอยู่ว่ากรมธรรม์ ประกันชีวิต หลักไม่สามารถบอกปัดความรับผิดชอบ หรือยกเลิกกรมธรรม์ ประกันชีวิต หลักได้ แต่ในส่วนของความคุ้มครองเพิ่มเติมต่างๆ เช่น ประกันสุขภาพ ค่าชดเชยรายวันนั้นสามารถยกเลิกได้เนื่องจากเป็นสัญญาปีต่อปี

ในกรณีเดียวกัน หากแถลงข้อความจริง แม้จะเจ็บป่วยบางโรค บริษัทรับ ประกันชีวิต อาจจะเพิ่มเบี้ย ประกันชีวิต อีกนิดหน่อย หรืออาจจะยกเว้นความคุ้มครองในโรคที่เป็นอยู่ เหตุจากมีความเสี่ยงภัยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อได้พิจารณารับ ประกันชีวิต ไปแล้วนั้น ผู้เอา ประกันภัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตลอดจนครบกำหนดสัญญา

ดังนั้นหากจะบอกว่า ประกันชีวิต ทำง่ายแต่เคลมยากคงไม่ใช่ หากเราต่างยึดถือความจริง ปฏิบัติต่อกันอย่างซื่อสัตย์ การเคลมสินไหมก็ไม่ทำให้ปวดหัวแต่อย่างใด

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์