“ทิพยประกันภัย” หวนกลับตลาด รถยนต์ ปี 60 หลังวางโครงสร้างพื้นฐานพร้อมเสร็จสรรพ ปรับโฉมใหม่บริการ ทั้ง “อู่-คุณภาพการซ่อม” ลั่นยึดบริการเหนือกว่า ย้ำไม่สู้ตัดราคาเบี้ยคู่แข่ง เผย “เครื่องบินตก” ทำสถานการณ์ ประกันภัย ต่อต่างประเทศทนขาดทุนไม่ไหว ประกาศขอขึ้นเบี้ยตัวเครื่องบิน “การบินไทย-นกแอร์” จ่อโดนหางเลข ทิพยฯ เตรียมแจ้งปรับเบี้ยช่วงต่อสัญญาปลายปีนี้

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2560 เป็นปีที่บริษัทจะลงไปเล่นกับตลาด รถยนต์ หลังจาก 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทจำกัดการเติบโตพอร์ตงาน รถยนต์ ไว้ เหตุเพราะต้องสร้างพื้นฐาน รถยนต์ ทั้งการรับ ประกันภัย และด้านการเคลมสินไหม โดยดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีความพร้อมที่จะบริหารจัดการรับ ประกันภัย และจัดการสินไหม

บริษัทฯ เล็งเห็นว่า ลูกค้าตลาด ประกันภัยรถยนต์ มีหลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ให้ความสำคัญเรื่องราคาเป็นหลัก (Cost Concern) ซึ่งสนใจบริษัทที่ขายราคาถูกเป็นหลัก โดยกลุ่มลูกค้าทิพยฯ ไม่ได้จัดเป็นกลุ่มนี้มากนัก แต่เป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าเม็ดเงินเบี้ย ประกันภัย มากกว่า ดังนั้นทิพยฯ จะไม่ลงไปในตลาดที่แข่งขันด้านราคา แต่จะมีกรมธรรม์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มที่แท้จริง และไพ้รทซิ่งให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนั้น

“เราทำตลาดให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทิพยฯ ไม่เคยเข้าไปอยู่กับค่าย รถยนต์ ค่ายไหนเลยสักค่ายเดียว เวลาเราเข้าไปอยู่ มักจะมีเบี้ย ประกันภัย ถูกมาก ซึ่งเวลาขายรถป้ายแดง มักจะมีเบี้ย ประกันภัย ถูกมาก ซึ่งเมื่อเราเข้าไปแล้วถ้าเบี้ยต่ำเกินไป เราก็มองว่าไม่คุ้ม หรือดีพอที่จะให้บริการ เราก็จะไม่เข้าไป”

สำหรับปี 2560 นี้ ทิพยฯ ได้เจรจากับดีลเลอร์ และแบรนด์ รถยนต์ ชั้นนำ 3 ค่าย ที่จะเป็นพันธมิตรร่วมงานกัน โดยจะลอนซ์โครงการพิเศษ เป็นโปรดักส์แรกออกมาร่วมให้บริการลูกค้า เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มสตรี และได้เลือกวันสตรีสากลเปิดตัวโปรดักส์นี้ ซึ่งนับเป็นโปรดักส์นำร่องของไตรมาสแรกปีนี้ โดยมีความแตกต่างจากทุกโปรดักส์ที่ผ่านมา โดยได้ยื่นขออนุมัติกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขายความคุ้มครองพิเศษนี้ไปแล้ว

“ผลิตภัณฑ์นี้ออกมาจากฝ่ายการตลาด หรือ แอคชัวรี (นักคณิตศาสตร์) ของบริษัท โดยโปรดักส์ใหม่ตัวนี้เราได้ไปจ้างนักวิจัย และไปพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะหลากหลาย รวมไปถึงได้สอบถามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ว่าจริงๆ แล้วต้องการอะไรบ้าง แล้วเราไปรวบรวมมาคุยกับฝ่ายการตลาดว่า มีอะไรบ้าง จึงมาดีไซน์แบบ ประกันภัย นี้ขึ้นมา”

นอกจากเรื่องผลิตภัณฑ์แล้ว ยังมีเรื่องบริการที่ทิพยฯ มีเป้าหมายจะเป็น สเปเชียลลิสต์ เฉพาะแบรนด์ เริ่มตั้งแต่การให้บริการอู่ซ่อมรถ ซึ่งกําลังหาอู่ที่เก่งเฉพาะทางเพื่อให้บริการลูกค้าทิพยฯ โดยเฉพาะ พร้อมกันนี้บริษัทต้องมองทุกอย่าง ต้องสเปเชียลลิสต์หมด โดยเฉพาะสมรรถนะ และระบบเซฟตี้ที่ต้องใส่ใจมากขึ้น

สำหรับเบี้ย ประกันภัย ของโปรดักส์นี้ถือว่าไม่ต่ำ เพราะบริษัทคำนึงถึงกรณีเกิดการเกิดเหตุเสียหายแล้ว ลูกค้าจะได้รับการซ่อมอย่างดีที่สุด ให้คุ้มค่าเงินที่ลูกค้าจ่ายมากกว่า โดยบริษัทจะจัดการด้านอะไหล่เป็นของแท้หมด ทั้งที่ซ่อมอู่ธรรมดาหรือซ่อมศูนย์ห้าง ด้วยบริษัทเน้นเรื่องความปลอดภัยจากการซ่อม ดังนั้น Position หรือจุดยืนของบริษัทจะเน้นบริการที่เรียกว่า “เหนือกว่าชาวบ้าน แต่เราไม่สู้ราคา”

นอกจากผลิตภัณฑ์ ประกันภัยรถยนต์ แล้ว บริษัทยังพยายามหาความหลากหลายมาเติมความคุ้มครองให้กับลูกค้ามากขึ้น อย่างเช่นโปรดักส์คุ้มครอง Trade Credit ซึ่งไม่เคยมีในประเทศไทย หรือไซเบอร์ริคส์ทั้งหลายที่ยังไม่เคยมีมา หรือแม้แต่โปรดักส์ที่เกี่ยวกับการทำให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่บริษัทนำออกมาเสนอขายในระยะต่อไป

สำหรับโครงการขนาดใหญ่เวลานี้ ทุกบริษัทเมื่อรับ ประกันภัย มาเสร็จ คงไม่สามารถเก็บความเสียงไว้เองได้หมด ต้องจัดสรรกระจายความเสี่ยงส่งบริษัท ประกันภัย ต่อต่างประเทศ ซึ่งราคาเบี้ย ประกันภัย โครงการขนาดใหญ่ จะอิงกับตลาดโลกที่ทิศทางต่างกันในแต่ละช่วง ทั้งนี้ 3-4 ปีที่ผ่านมา เบี้ยโครงการขนาดใหญ่ลดต่ำลง เพราะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาในธุรกิจรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศ ทำให้เบี้ย ประกันภัย ทั้งตลาดโลกอ่อนตัวลงถึง 20-30%

ปีนี้บริษัทรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศ (รีอินชัวเรอร์ต่างประเทศ) สถานการณ์ยังคงลดลงต่ออีก แต่อาจจะไม่ลดลงเหมือนที่ผ่านมา ก็เชื่อว่าจะลดอยู่ประมาณ 10-15% โดยเบี้ยก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ไม่น่าจะขยับขึ้น ทั้งนี้ตลาดกลุ่มนี้ทิพยฯ เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว คงจะรักษาความเป็นเจ้าตลาดให้มากที่สุด และพยายามสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาเพิ่มต่อไป

จากกรณีตลาด ประกันภัย ต่อทั่วโลกแข่งขันกันรุนแรง ทำให้เบี้ย ประกันภัย อ่อนตัวลง ทำให้ภาวะเบี้ย ประกันภัย นอนมอเตอร์ หายไปไม่น้อยทีเดียว อย่างเบี้ยปิโตรเคมีหายไปถึง 30% หรือเบี้ย ประกันภัย Aviation ที่ีหายไป 5-7% แต่อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ของการขาดทุนจากเครื่องบินในปีที่แล้ว มีการตกหรือประสบอุบัติเหตุกันบ่อยครั้งมาก จนทำให้ในปีนี้ราคาค่าเบี้ย Avition คงจะปรับขึ้น

โดยขณะนี้ทางบริษัทรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศก็ได้ส่งสัญญาณแจ้งมาให้ทางทิพยฯ ทราบแล้ว ซึ่งทางทิพยฯ คงจะแจ้งไปให้ทางสายการบินไทย และทางสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าให้รับทราบว่า ทางบริษัททิพยฯ คงจะมีการปรับเบี้ย ประกันภัย ตัวเครื่องบินและทรัพย์สิน ในการต่อสัญญา ประกันภัย ปลายปีนี้ต่อไป

ที่มา : เส้นทางนักขาย