ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

ข่าวประกันภัยทั่วไป

ชาวนาไทยเฮ คปภ.ไฟเขียวคุ้มครอง ประกันภัย ข้าวนาปี

นาข้าวได้รับความคุ้มครอง คปภ.ไฟเขียว ประกันภัย ข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 ให้ความคุ้มครอง น้ำท่วม ภัยแล้ง ฝนแล้ง ลมพายุ ภัยอากาศหนาว ฯลฯ

ชาวนาไทยเฮ คปภ.ไฟเขียวคุ้มครอง ประกันภัย ข้าวนาปี

กรกฎาคม
21

เกษตรกรไทยเฮ นาข้าวได้รับความคุ้มครองภัย คปภ.ไฟเขียวกรมธรรม์ ประกันภัย ข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 ระบุกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองภัย ธรรมชาติ น้ำท่วม หรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ หรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และศัตรูพืช หรือโรคระบาด โดยจำนวนเงินความคุ้มครองสำหรับ 6 ภัยแรก จำนวน 1,111 บาทต่อไร่ และจำนวน 555 บาทต่อไร่สำหรับ ภัยศัตรูพืช หรือโรคระบาด

เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2559/60 ตามโครงการ ประกันภัย ข้าวนาปีปีการผลิต 2559 โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการเอา ประกันภัย จำนวน 30 ล้านไร่ทั่วประเทศ แบ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวน 29.5 ล้านไร่ และสำหรับเกษตรกรทั่วไปอีกไม่เกิน 500,000 ไร่นั้น ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงาน คปภ. ในฐานะนายทะเบียน ประกันภัย ได้พิจารณาภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ความเห็นชอบแบบกรมธรรม์ รวมทั้งเอกสารประกอบกรมธรรม์ ที่ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทยยื่นเรื่อง เพื่อขอความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการ ประกันภัย ข้าวนาปีตามนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทยเป็นอย่างมาก

เลขาธิการ คปภ.กล่าวด้วยว่า การสร้างระบบ ประกันภัย พืชผลให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างระบบ ประกันภัย พืชผล ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยเฉพาะในส่วนของกรมธรรม์ต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการ และสามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ให้แก่เกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแบบกรมธรรม์ ประกันภัย ข้าวนาปีปีการผลิต 2559 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ที่ได้ให้ความเห็นชอบนี้ มีอัตราเบี้ย ประกันภัย 100 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษี) โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ย ประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ย ประกันภัย 40 บาทต่อไร่ ทั้งนี้หากเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.เพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ธ.ก.ส.ก็จะจ่ายเบี้ย ประกันภัย แทนเกษตรกรเฉพาะในส่วนของวงเงินกู้ สำหรับส่วนเกินวงเงินกู้ หากเกษตรกรต้องการที่จะทำ ประกันภัย เพิ่ม ต้องจ่ายเบี้ย ประกันภัย เอง

ทั้งนี้เกษตรกรทั่วไปสามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึง วันที่ 15 สิงหาคม 2559 ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึง วันที่ 30 สิงหาคม 2559 และสำหรับพื้นที่ภาคใต้ สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึง วันที่ 15 ธันวาคม 2559

สำหรับเงื่อนไขสำคัญในกรมธรรม์นี้ก็คือระยะเวลารอคอย โดยผู้รับ ประกันภัย จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอา ประกันภัย ในกรณีที่ข้าวที่เอา ประกันภัย ได้รับความเสียหาย เมื่อพ้นระยะเวลารอคอย 7 วันแรก นับแต่วันที่ผู้เอา ประกันภัย ได้ขอเอาประกันภัย ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้น และปรากฏว่าจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เอา ประกันภัย ไว้ต่ำกว่าจำนวนพื้นที่เพาะปลูก (ไร่) ทั้งหมดในแปลงที่แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) ที่ได้รับการปรับข้อมูลการเพาะปลูกข้าวนาปีจริงในปี 2559/60 จากข้อมูลทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) ปี 2558/59 ให้เป็นปัจจุบัน โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ถือว่าผู้เอา ประกันภัย เป็นผู้รับ ประกันภัย เองในส่วนที่แตกต่างกัน และในการคำนวณค่าสินไหมทดแทนผู้เอา ประกันภัย ต้องรับภาระส่วนเฉลี่ยความเสียหายไปตามส่วน

ในส่วนของการคืนเบี้ย ประกันภัย มีอยู่ 6 กรณีคือ กรณีที่ผู้เอา ประกันภัย ขอเอา ประกันภัย เกินกว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปี ที่แจ้งไว้ในทะเบียนเกษตรกร ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย ตามจำนวน (ไร่) เฉพาะพื้นที่ส่วนที่เกิน กรณีข้าวนาปีได้รับความเสียหายในระยะเวลารอคอย ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย เต็มจำนวน กรณีที่ผู้เอา ประกันภัย ขอเอา ประกันภัย หลังจากวันแรกที่เกิดภัย ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย เต็มจำนวน กรณีพื้นที่เพาะปลูกตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งรัฐบาลประกาศกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ พื้นที่กักเก็บน้ำ หรือพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน หรือพื้นที่ที่รัฐบาลไม่ส่งเสริมการเพาะปลูกโดยการงดส่งน้ำ และผู้เอา ประกันภัย มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ทั้งนี้หากมีการเอา ประกันภัย ไว้ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย เต็มจำนวน กรณีที่ผู้เอา ประกันภัย ขอเอา ประกันภัย โดยมีระยะเวลาเริ่มต้นเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในตารางกรมธรรม์ ประกันภัย ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย เต็มจำนวน และกรณีผู้เอา ประกันภัย ไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีในแปลงที่ได้ขอเอา ประกันภัย ไว้ ผู้รับ ประกันภัย จะคืนเบี้ย ประกันภัย ให้แก่ผู้เอา ประกันภัย เต็มจำนวน

สำหรับบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 16 บริษัท คือ
1. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท กรุงไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
9. บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
10. บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน)
11. บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน)
12. บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด
13. บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
14. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
15. บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ
16. บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

ที่มา : อาร์วายทีไนน์