สำหรับความกังวลของท่านเจ้าของรถ สำหรับเรื่อง รถยนต์ ถูกขโมย ถึงแม้ว่าเราจะคิดว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยเฝ้าดูตรวจตรา รถมีระบบกันขโมยอย่างกุญแจ Immobilizer หรือระบบกันขโมยประเภทอื่นๆ อีก แต่เพื่อความมั่นใจต่อเจ้าของรถ ต้องอย่าลืมว่ากลุ่มมิจฉาชีพก็มีวิวัฒนาการณ์เหมือนกัน แล้วอย่างเราๆ ท่านๆ ควรหาวิธีป้องกัน (อย่างสุดฤทธิ์) อย่างไร

การล็อคและปลดล็อคประตู โดยใช้ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS โดยระบบ TDS นอกจากจะเปิดและปิดล็อคประตูด้วยระบบรีโมทคอนโทรลแล้ว ยังมีระบบ Immobilizer โดยรถจะสตาร์ทไม่ติดถ้า ID Code ของกุญแจไม่ถูกต้อง แต่ไม่มีระบบกันขโมยแบบใด สามารถป้องกันขโมยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ระบบ Immobilizer เช่นเดียวกัน ขโมยสามารถใช้เครื่องจูนหารหัสได้ เช่นเดียวกันกับสมัยก่อนที่มีการแอบจูนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แล้วเอาไปให้คนเช่าโทรทางไกล หรือหากขโมยมีฝีมือจริงๆ ไม่ต้องใช้เครื่องจูน ก็สามารถจัดการกับเจ้า Immobilizer ได้ ซึ่งมีเทคนิคหลายวิธีด้วยกัน

เมื่อหลายปีก่อนมีการทดสอบ “ขโมยรถ” ที่ติดตั้งระบบล็อคประตู รวมทั้งระบบ Immobilizer ด้วย ว่าจะสามารถกระทำได้หรือไม่ ผลปรากฏออกมาว่า สำหรับรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้เวลาค่อนข้างน้อย ในการขโมยรถขับออกไป โดยมากใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เรียบร้อย ส่วนพวกรถเยอรมันจะใช้เวลานานกว่า ประมาณ 3 นาทีเศษๆ

การติดตั้งระบบกันขโมยเพิ่มเติม ก็สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้มากขึ้น พวกระบบกันขโมยที่ติดตั้งเพิ่มนี้ ควรจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งเสียงโวยวายเวลาเปิดประตู พร้อมกับมีพวก Shock Sensor หรือ Ultrasonic Sensor เอาไว้ป้องกันผู้บุกรุกเข้าไปในรถโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะสามารถผ่านด่านการล็อคประตูไปได้แล้วก็ตาม

สำหรับการเลือกซื้ออุปกรณ์กันขโมยของบริษัทต่างๆ ที่นำมาเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา ควรพิจารณาจากชื่อเสียงที่ได้ยินมาอย่างยาวนาน โดยเป็นแบบมีระบบส่งเสียงโวยวายเมื่อมีการเปิดประตู และระบบเสียงเตือนจาก Shock Sensor หรือ Ultrasonic Sensor เอาไว้ป้องกันผู้รุกล้ำ ผ่านด่านประตูเข้าไปในตัวรถได้ และถ้าจะให้ดีควรมีการรับประกันชดใช้ค่าเสียหายในบางส่วน กรณีพลาดท่ารถเกิดสูญหายด้วย ซึ่งนอกจากเรื่องของยี่ห้ออุปกรณ์กันขโมยแล้ว การติดตั้งก็ต้องถือว่ามีความสำคัญมากที่เดียว หากอุปกรณ์ดีแต่ช่างติดตั้งไม่ได้เรื่อง เดินสายไปกวนกับสายของพวก Sensor ต่างๆ ก็อาจทำให้รถเกิดอาการรวนยามใช้งาน สืบเนื่องจากโดนสัญญาณกันขโมยก่อกวน ทำให้กล่อง ECU เกิดอาการเพียงขึ้นมา หากได้ช่างที่คุ้นเคยและชำนาญในรถรุ่นนั้นๆ เป็นผู้ลงมือ การเดินสายไฟก็ทำได้เรียบร้อยแนบเนียน ดูแล้วไม่รู้เลยว่ามีการติดตั้งระบบกันขโมยเพิ่มเติม (ยกเว้นไฟติดวับๆ ที่เอาไว้เตือนว่ารถคันนี้มีสัญญาณกันขโมย) การงัดแงะส่วนประกอบต่างๆ ก็ถอดเป็น รู้ว่าต้องทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้เกิดการชำรุด แตกหัก เสียหาย

ลำพังระบบกันขโมยอย่างเดียว บางครั้งก็ไม่สามารถป้องกันรถได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะสมัยนี้แฟชั่น “ทุบกระจก” กำลังฮิต โดยการทุบกระจกให้แตกแล้วหยิบเอาของมีค่าในรถไป ซึ่งได้ง่ายและเร็วกว่าขโมยรถทั้งคัน แบบนี้หากใช้ฟิล์มติดกระจกชนิด ป้องกันการทุบกระจก ได้ ก็น่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อทรัพย์สินที่เก็บไว้ในรถมากขึ้น แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกฟิล์มเหล่านี้ จะสามารถทนความร้อน (สูง) ได้หรือไม่ เพราะขโมยจะใช้ไฟแก็สลนกระจกให้ร้อนก่อนทุบให้แตก เพราะจะแตกง่าย ส่งเสียงไม่ดัง และไม่สะเทือนจนระบบ Shock Sensor หรือ Ultrasonic Sensor ของระบบกันขโมยจะรู้ตัว และทำการส่งเสียงโวยวายขึ้นมา

อย่างไรก็ตามพวกระบบกันขโมยอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ก็ยังสามารถถูกจูนรหัสหรือลัดวงจรได้เช่นเดียวกันกับพวกกุญแจ Immobilizer อีกนั่นแหละถ้าใช้รีโมทแบบคลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถใช้ล็อคและปลดล็อคได้ในระยะไกล การจูนก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าใช้ระบบแสงอินฟราเรดควบคุม ซึ่งการเปิดและล็อคประตูต้องทำในระยะใกล้หน่อย บางทีก็ต้องเล็งไปยังจุดรับสัญญาณ แบบนี้การจูนอาจจะยากขึ้นมาอีกนิด ด้วยเหตุนี้จึงควรมีระบบป้องกันขโมยแบบกลไกติดรถเอาไว้อีกชุด อย่างพวกระบบกันขโมยแบบใช้ล็อคเบรคหรือล็อคเกียร์ อันที่จริงก็น่าจะมีไว้ใช้เหมือนกันนะ เพราะพวกขโมยส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญเพียงด้านเดียว พวกเก่งทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ฝีมือจัดการกับพวกกลไกก็มักจะไม่จัดจ้านเท่าไหร่ หรือหากเก่งในการจัดการกับระบบกลไก พอมาเจอระบบกันขโมยแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็อาจจะเกิดอาการมือสั่นได้เหมือนกัน หรืออย่างน้อยที่สุดการมีระบบกันขโมยหลากหลายแบบ ก็สามารถถ่วงเวลาพวกขโมยได้นานขึ้น หรือเห็นอุปกรณ์กันขโมยรุงรังก็อาจจะเปลี่ยนใจ หันเหความสนใจไปลงมือกับรถคนอื่นที่จัดการได้ง่ายกว่าแทน

สมัยนี้มีระบบกันขโมยแบบล็อคเบรคล็อคเกียร์ ที่กะทัดรัดใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ต้องแบกหรือหิ้วไปๆ มาๆ แล้ว ส่วนใหญ่จะติดตั้งแอบไว้ในรถเลย แค่ขยับนิดขยับหน่อยก็ล็อคได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกแรงมากมายอันใด ลองดูว่าแบบไหนที่ถูกใจและตรงกับความต้องการ

ถึงแม้พวกอุปกรณ์กันขโมยแบบต่างๆ จะไม่สามารถปกป้องรถจากขโมยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มที่ก็จริง แต่จากจำนวนขโมยที่สามารถเอารถไปได้ หากมีอุปกรณ์ป้องกันที่ทันสมัยและหลากหลาย ก็สามารถลดจำนวนขโมยลงไปได้เยอะ ระดับขโมยที่มีฝีมือจัดการกับการป้องกัน จากร้อยอาจจะเหลือแค่สี่-ห้าคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าโอกาสที่รถจะถูกขโมย ก็ลดเปอร์เซ็นต์ลงไปได้เยอะ

เครดิต: ยานยนต์

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์