เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย เปิดเผยว่า ปีนี้ธุรกิจ ประกันภัย น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายขั้นต่ำ 17% ซึ่งปกติไตรมาสสี่จะเป็นช่วงที่มีอัตราเติบโตสูง ปีนี้น่าจะเกิน 17% หากเทียบกับสถิติในอดีตที่เติบโต 14% ต่อปี หากโครงการก่อสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเกิดเยอะ ธุรกิจ ประกันภัย จะเติบโตได้เยอะ

สำหรับปีหน้าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของธุรกิจ ประกันภัย อาจจะเติบโตสูงกว่า 17% เป็นเป้าหมายที่สูงมาก โดยมีหลายโครงการที่จะเอื้อต่อการเติบโต ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท, เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, ประกันภัย 200 (ไมโครอินชัวรันส์), การเปิดขายผ่านร้านสะดวกซื้อ, ประกันภัย ข้าว, ประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ.ออนไลน์ รวมถึงเข้าใกล้การเปิดเออีซี จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามามาก ทุกคนต้องซื้อ ประกันภัย กระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ

"ไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติตลอด อย่างการเข้ามาของฟิลลิป ที่ลงทุนในฟินันซ่า หรือเมจิ ยาสึดะ ที่เข้ามาลงทุนในไทยประกันชีวิต กรณีพรูเด็นเชียล หรือแม้แต่เบิร์กเชียร์ การเปิดเออีซีทำให้ธุรกิจ ประกันภัย ไทยมีโอกาสมหาศาล เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ทำให้เราเสียหายกว่า 4 แสนล้าน เป็นตัวเลขที่เยอะมาก แต่ธุรกิจ ประกันภัย ยังโตถึง 20% ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญ ตอนนี้บริษัท ประกันภัย จ่ายสินไหมน้ำท่วมไปเกือบ 4 แสนล้าน"

คปภ.ยังมีนโยบายที่จะให้ผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติงาน (Com pliance Officer) ของบริษัท ประกันภัย ต้องมาขึ้นทะเบียนกับ คปภ.ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้น ไปเพื่อให้สอดรับกับมาตรฐานสากล โดย คปภ.จะกำหนดคุณสมบัติของผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติการ ที่จะใช้เป็นแนวทางปฏิบัติออกมา โดยคนกลุ่มนี้จะช่วยเป็นหูเป็นตา เป็นเครื่องมือของผู้บริหาร ในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ และจะมีบทบาทสำคัญมาก ที่จะทำให้บริษัท ประกันภัย เติบโต และแข็งแรงในอนาคต

สาเหตุที่ต้องกำหนดให้ขึ้นทะเบียน เพราะปัจจุบันภาพลักษณ์ของธุรกิจ ประกันภัย เปลี่ยนไปจากอดีตมาก โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ธุรกิจ ประกันภัย มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมาก ขณะที่ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น เห็นได้จากในปี 2555 ธุรกิจ ประกันภัย เติบโตสูงสุดถึง 20% โดย คปภ.คาดหวังที่จะให้ธุรกิจ ประกันภัย เติบโตแข็งแกร่งต่อไป โดยมีเป้าหมายเบี้ย ประกันภัย ต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 6% ภายในปี 2557 จาก 5% เศษในปี 2555

"เราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ ประกันภัย ให้เติบโตได้เต็มขีดความสามารถ การกระตุ้นการเติบโต ปัจจัยแวดล้อมในการประกอบธุรกิจมีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่รัฐออกมา เราจะปรับปรุงการออกกฎระเบียบ ซึ่งการไปสู่จุดนั้น ธุรกิจและบุคลากรทุกคนต้องมีความพร้อม และเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติงานจะมีบทบาทสำคัญ เขาจะรู้ถึงกฎใหม่ๆ ที่กำลังจะออกมา จะให้ความเห็นกับเราได้ อนาคตหากบริษัท ประกันภัย มีความแข็งแรง การออกกฎต่างๆ จะลดลง ลดต้นทุนเราด้วย แม้เราจะให้ผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติงานมาขึ้นทะเบียนกับเรา แต่เมื่อบริษัททำผิด ผู้บริหารคือคนแรกที่รับผิดชอบ รองลงไปก็หน่วยงานสนับสนุน และผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติการ"

หากเป็นบริษัท ประกันภัย ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ประกันภัย ขนาดใหญ่ และบริษัท ประกันภัย ต่างชาติ มีผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติงานแล้ว มีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ยังไม่มี ซึ่งตามเป้าหมายของ คปภ.จะสร้างวิชาชีพผู้ดูแลฝ่ายปฏิบัติงาน และผลักดันเป็นสมาคมวิชาชีพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ดึงคนนอกเข้ามาสู่ธุรกิจ ประกันภัย มากขึ้น

"อนาคตกฎของ คปภ.จะไปไกลกว่ากฎของตลท. เพราะ ประกันภัย เป็นสถาบันการเงินประเภทหนึ่ง การมีธรรมาภิบาลที่ดี มีจรรยาบรรณเป็นเรื่องสำคัญ อย่างการต่อต้านการทุจริตที่บริษัท ประกันภัย ทุกแห่งเข้าร่วมโครงการ เราอยากขยายสำนึกเรื่องนี้เข้าไปในสายเลือด หรือ DNA ของคนในธุรกิจ"

ที่มา : สยามธุรกิจ