นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในปีนี้ว่า อัตราเติบโตเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15% เบี้ย ประกันภัย 2 แสนล้านบาท เทียบกับปี 2555 เติบโตถึง 30% เนื่องจากการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวลงมาก เหลือประมาณ 10% เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ยังเติบโตสูง 19.8% เป็นอานิสงส์มาจากโครงการ รถยนต์ คันแรกเป็นหลัก แต่หลังจากหมดโครงการลงในครึ่งปีหลัง ทำให้เบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ลดลงไปมาก ส่งผลต่อเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบ เนื่องจากเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ มีสัดส่วน 57.9% มากที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งหากไม่มีงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปปลายปีนี้ อัตราเติบโตไม่ถึง 15%

"จริงๆ แล้วการโต 15% เป็นปกติของธุรกิจ ซึ่งก่อนน้ำท่วมจะโตประมาณ 12-15%-ครึ่งแรกปีนี้เราโต 19.8% แต่พอ 7 เดือนลดลงเหลือ 17.5% หายไปเกือบ 2% สาเหตุที่การเติบโตดร็อปลงในช่วงครึ่งหลัง มาจากตลาด รถยนต์ ชะลอตัว ทั้งยอดขาย รถยนต์ คันแรกหดลง ยอดจอง รถยนต์ ที่รอการส่งมอบค้างอยู่แสนกว่าคัน รถยนต์ ถูกยึดเยอะ ราคาประมูลตก ล้วนมีผลต่อเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ หายไปมาก ซึ่งราคาประมูล รถยนต์ ที่ตกลง มาจาก รถยนต์ ขนาดเล็กราคาถูกมาก กดราคา รถยนต์ ทั้งเก่าและใหม่อ่อนตัวลง ทำให้คนไม่สนใจซื้อ รถยนต์ ใหญ่ และดึงราคาซากรถบริษัท ประกันภัย ลดลงด้วย"

แม้เบี้ย ประกันภัย ทั้งระบบจะลดลง แต่อัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ 58-60% เนื่องจากความเสียหาย ประกันภัยรถยนต์ มีสถิติแน่นอน ไม่มีลูกฟลุ้กเหมือน ประกันภัย ความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ที่แม้จะขายเบี้ย ประกันภัย แพงกว่า แต่เมื่อเกิดเคลมครั้งเดียวเจ๊ง ซึ่งการ ประกันภัย จะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง ดูที่ 2 ตัวคือ ความถี่ในการเกิดเหตุ และความรุนแรงในการเกิดเหตุ โดย ประกันภัยรถยนต์ ความถี่ในการเกิดเหตุสูงอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.7-0.8% ต่อกรมธรรม์ หมายถึง 1 กรมธรรม์ จะเกิดเหตุ 0.7-0.8% จากเดิมอยู่ที่ 1.2% สาเหตุที่ลดลง เพราะบริษัท ประกันภัย ป้องกันความเสียหายจากเคลมไม่มีคู่กรณี (เคลมแห้ง) ได้ดี ซึ่งเคลมแห้งมีสัดส่วนถึง 66-70% ของเคลมทั้งหมด

ตลาด ประกันภัย ที่ยังคงเติบโตได้ดีคือ ประกันภัย รายบุคคล หรือ ประกันภัย รายย่อย ที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะ ประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) เนื่องจากมีช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น อาทิธนาคารหรือ แบงก์แอสชัวรันส์, โทรศัพท์หรือ เทเลเซล, ไปรษณีย์, ร้านสะดวกซื้อ อีกทั้ง ประกันภัย อุบัติเหตุ ค่าเบี้ยไม่แพงทุน ประกันภัย 1 ล้านบาท เบี้ยแค่ 1,000 บาท ประชาชนซื้อได้ ยิ่งเวลาเกิดเคลมแล้วได้รับค่าสินไหม ยิ่งกระตุ้นความสนใจของคนต่างจังหวัดได้มาก

"ยอดขาย ประกันภัย พีเอ น่าจะขยับอีกเยอะ ทุกบริษัทแข่งกันขาย อีกทั้งคนต่างจังหวัดไม่เคยทำ ประกันภัย พอมาทำ ซื้อทุน 1-2 ล้านบาท เมื่อมีเคลมเกิดขึ้น บริษัท ประกันภัย จ่ายเงินเร็ว อยากทำ ประกันภัย เพิ่ม เช่น ตอนงานศพ ผมเอาเงินไปจ่ายเคลม ชาวบ้านเห็นได้เงินเยอะ ก็แห่ทำ ประกันภัย อีก 70-80 กรมธรรม์ ค่าเบี้ยไม่แพงมากไม่เกิน 1,000 บาท อย่างกรมธรรม์ไมโครอินชัวรันส์ ชาวบ้านเขาจ่ายได้ การทำ ประกันภัย พีเอเยอะๆ ช่วยลดสินไหม ประกันภัยรถยนต์ ตาม พ.ร.บ.ไม่เพิ่มเท่ากับที่เราคำนวณ เพราะเกิดอุบัติเหตุจาก รถยนต์ คนหันไปเคลมจาก ประกันภัย พีเอที่ซื้อไว้"

อัตราเติบโตของ ประกันภัย พีเอในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2555 ว่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี จาก 17.7% ในปี 2551 เป็น 21.4% ใน ปี 2552, 23.4% ในปี 2553, 24.3% ใน ปี 2554 และ 29.1% ในปี 2555 เบี้ย 20,520 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่ง 14.1% ของเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งหมด

ปัจจุบันอุตสาหกรรมมีบริษัทประกันวินาศภัย 64 บริษัท เฉพาะ 10 บริษัทแรกที่มีเบี้ย ประกันภัย สูงสุดมีส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 59.73% อีก 54 บริษัทแย่งส่วนแบ่งตลาดที่เหลืออีก 40.27% ซึ่งส่วนแบ่งตลาดของ 10 บริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเบี้ยในตลาดลดลงหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนทำ ประกันภัย เพิ่มขึ้น ฉุดเบี้ยลดลงโดยอัตโนมัติ

ที่มา : สยามธุรกิจ