ผ่านพ้นไปครึ่งปีแรก ประกันภัย ประกันชีวิตหลายค่ายทยอยโชว์ผลงานกันออกมาอย่างต่อเนื่อง สามารถฝ่ามรสุมรุมเร้าจากปัจจัยลบ ทั้งจากภายนอกประเทศ และภายในประเทศ ตัวเลขที่ปรากฏออกมาในการปั๊มเบี้ย ประกันภัย ยังมีทิศทางสดใส โดยเฉพาะการนำกลยุทธ์การตลาดเปิดหน้าสู้ แข่งขันกันเป็นตัวแม่เหล็กดูดลูกค้า

หากพิจารณากันแล้ว โดยเฉพาะบรรดาค่ายใหญ่ๆ ผลการดำเนินงานจะเป็นไปในทิศทางที่ตัวเองกำหนดเป้าหมายไว้ทั้งนั้น ขณะที่ค่ายเล็กก็ไม่แพ้กัน ทุกอย่างถูกกำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ทำให้วันนี้ผลประกอบการจึงเป็นอย่างที่เห็นกันออกมา อลิอันซ์ โชว์เบี้ย xitdyo4yp รับปีแรกโต 25%

กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ AZAY เปิดเผยว่า ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทย เชื่อว่ายังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด และภาคอีสาน ซึ่งบริษัทพยายามผลักดันให้ตัวแทนของบริษัท มีบทบาทในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น จึงได้มีการลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนา และตั้งศูนย์อบรมตัวแทนตามภูมิภาค และจะมีการลงทุนในรูปแบบนี้อย่างต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ​การขยายงานดังกล่าว ส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดของบริษัท ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% เมื่อเทียบกับลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังพบว่า ในต่างจังหวัดกรมธรรม์ประเภทให้ความคุ้มครอง ยังได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย

ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะเกินกว่าเป้าที่กำหนดไว้ และจะสามารถทำเบี้ย ประกันภัย รับรวมได้เกิน 25,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2,700 ล้านบาทได้ โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทมีเบี้ย ประกันภัย รับรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% อยู่ที่ 5,768 ล้านบาท และเบี้ย ประกันภัย รับปีแรกเติบโตขึ้น 25% อยู่ที่ 1,287 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ย ประกันภัย จากช่องทางตัวแทน 600 ล้านบาท เติบโต 24% ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ทำได้ 360 ล้านบาท เติบโต 18% ช่องทางการตลาดขายตรงทำได้ 307 ล้านบาท เติบโต 36% และช่องทางอื่นๆ 21ล้านบาท เติบโต 22%

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทมีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 11,300 ล้านบาท เติบโต 12% เป็นเบี้ย ประกันภัย รับปีแรก 2,400 ล้านบาท เติบโต 15% และมีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท

กรุงเทพประกันภัย (BKI) โชว์กำไรกว่า 900 ล.

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 3,584 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการรับ ประกันภัย 200.5 ล้านบาท เติบโต 122% มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 433 ล้านบาท ลดลง 60% โดยมีกำไรสุทธิ 526 ล้านบาท เติบโต 126% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการยังได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 2.75 บาท

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 7,816 ล้านบาท เติบโต 26.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิจากการรับ ประกันภัย 258 ล้านบาท เติบโต 118% มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 839 ล้านบาท ลดลง 51% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 915 ล้านบาท เติบโต 231%

กลยุทธ์ในการทำตลาดครึ่งปีหลัง ยังคงเน้นทำตลาดรายย่อยผ่านช่องทางต่างๆ เป็นหลัก โดยยังเน้นรายได้หลักมาจาก ประกันภัยรถยนต์ และ ประกันภัย ความเสี่ยงภัยทุกชนิด ซึ่งคาดเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะได้เบี้ย ประกันภัย ตามเป้าที่ 1.53 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% หรืออาจทะลุเป้าที่ตั้งไว้

ส่วนแนวโน้มธุรกิจ ประกันภัย ของไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่อยู่ในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยเบี้ย ประกันภัย รับโดยตรงในปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 15% ลดลงจากปีก่อนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ 28%

ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจประกันวินาศภัยในครึ่งปีหลังนี้ ได้แก่ เศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะเสี่ยง จากการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ล่าช้า ประกอบกับการส่งออกที่ยังไม่น่าปรับตัวดีขึ้น เนื่องด้วยยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศคู่ค้าหลัก ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ไว้ที่ 3.8-4.3%

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จำเป็นต้องมีการปรับค่าเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา อัตราค่าสินไหมต่อเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 59.7% แล้ว เมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 55% อัตราค่าสินไหมต่อเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายด้านสินไหมที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถ ค่าแรง 300 บาท และจำนวนอู่ที่ยังมีไม่เพียงพอกับจำนวน รถยนต์ ที่ต้องการซ่อม ทำให้ค่าซ่อมปรับตัวสูงขึ้น และคงเป็นอย่างนี้ไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้

"ตอนนี้กำลังดูอยู่ว่า สุดท้ายแล้วจำเป็นต้องขึ้นเบี้ย ประกันภัย อีกหรือไม่ โดยจะใช้วิธีแก้ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ด้วยการบริหารจัดการภายในก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคัดเลือกภัย คัดเลือกลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือการเน้นทำตลาดไปที่ รถยนต์ ขนาดกลางขึ้นไปแทน ไม่เน้น รถยนต์ ขนาดเล็ก เพื่อให้เราสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ กับลูกค้า"

เมืองไทยฯ เพิ่มเป้าเบี้ย ประกันภัย 9 พันล้าน

กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย ประกันภัย เปิดเผยว่า หลังจากผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มียอดเบี้ย 4.13 พันล้านบาท เติบโต 14% และมีกำไรถึง 452 ล้านบาท เติบโต 177% จึงได้ประเมินเป้าหมายใหม่ โดยมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังจะมีเบี้ยเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 4.7 พันล้านบาท ทั้งปีนี้น่าจะมีเบี้ย ประกันภัย รับรวมประมาณ 9 พันล้านบาท เติบโต 25% ขณะที่เป้าหมายเดิม 8.6 พันล้านบาท

กลยุทธ์การเติบโตที่สำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ เน้นแพ็กเกจความคุ้มครองที่ถูกออกแบบให้ขายง่าย เข้าใจได้ง่าย เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันอุบัติเหตุ และ ประกันภัย อื่นๆ สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งสามารถเติมเข้าไปขายในช่องทางที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะตัวแทนที่มีกว่า 4 พันคน สำนักงานตัวแทนกว่า 215 แห่ง แบงก์แอสชัวรันซ์ที่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย และธนาคารอื่นๆ อีก 4 ราย รวมถึงแผนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ ก็จะนำสินค้าแบบแพ็กเกจนี้เข้าไปทำตลาดด้วย

นอกจากนี้ ในแง่บริการลูกค้า ทางบริษัทได้เพิ่มจำนวนอู่ในเครือขึ้นเป็น 626 แห่ง และมีศูนย์บริการซ่อมอีก 472 แห่ง รองรับการขยายตัวของงาน ประกันภัยรถยนต์ ที่เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงยังได้เข้าไปดีลกับอู่ซ่อมรถบรรทุกอีกกว่า 30 แห่ง เพื่อรองรับแผนขยายงานมารับ ประกันภัยรถยนต์ บรรทุกเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และคาดว่าปีนี้จะได้เบี้ยจากงานนี้มาอีก 70-80 ล้านบาท โดยเป้าหมายงานมอเตอร์ 45% และน็อนมอเตอร์ 55%

ที่มา : อาร์วาายทีไนน์