รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการ ประกันภัย ข้าวนาปี ปีการผลิต 2556 จำนวน 1.5 ล้านไร่ วงเงินทั้งสิ้น 494 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปดำเนินการโครงการ ประกันภัย ข้าวนาปี โดยแบ่งการ ประกันภัย เป็น 5 พื้นที่ตามความเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงสูงสุดจะต้องเสียเบี้ย ประกันภัย 475 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงต่ำสุดเสียเบี้ย ประกันภัย 120 บาทต่อไร่ เกษตรกร่ายเบี้ย ประกันภัย ตั้งแต่ 60-100 บาทต่อไร่ และรัฐอุดหนุนเบี้ย ประกันภัย ในส่วนที่เหลือ 69.97-410.39 บาทต่อไร่

อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้ ได้นัดสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) และ ธ.ก.ส. มาพิจารณารายละเอียดในการขยายโครงการ ประกันภัย นาข้าวให้ครอบคลุมพื้นที่ 60 ล้านไร่ทั่วประเทศ ทั้งนี้หลังจากที่ให้กรมบัญชีกลางไปดูสถิติ 5 ปีย้อนหลัง เรื่องการจ่ายชดเชยความเสียหายด้านการเกษตร พบว่ารัฐบาลต้องจ่ายงบส่วนนี้กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากการทำ ประกันภัย จะใช้งบประมาณน้อยกว่าการชดเชย ก็สมควรทำ

ด้านรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทำ ประกันภัย นาข้าว จะจัดแบ่งพื้นที่เป็น 5 ระดับ ประกอบด้วย

1. พื้นที่เสี่ยงต่ำสุด คิดเบี้ย ประกันภัย 120 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย ประกันภัย 60 บาท รัฐบาลร่วมจ่ายเบี้ย ประกันภัย 69.47 บาท
2. พื้นที่เสี่ยงต่ำมาก คิดเบี้ย ประกันภัย 230 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย ประกันภัย 70 บาท รัฐบาลจ่ายเบี้ย 177.17 บาท
3. พื้นที่เสี่ยงต่ำ คิดเบี้ย ประกันภัย 350 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย ประกันภัย 80 บาท รัฐบาลจ่ายเบี้ย 296.64 บาท
4. พื้นที่เสี่ยงปานกลาง คิดเบี้ย ประกันภัย 440 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย ประกันภัย 90 บาท รัฐบาลจ่ายเบี้ย 382.94 บาท และ
5. ส่วนพื้นที่เสี่ยงสูง คิดเบี้ย ประกันภัย สูงสุด 470 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย ประกันภัย 100 บาท รัฐบาลร่วมจ่ายเบี้ย ประกันภัย 410.39 บาท

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอความเห็นว่า ในระยะต่อไปควรขยายขอบเขตการรับ ประกันภัย ให้ครอบคลุมพืชเศรษฐกิจหลักอื่นๆ ด้วย เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และปาล์มน้ำมัน เพื่อสร้างหลักประกันความเสี่ยงแก่เกษตรกรให้ทั่วถึงมากขึ้น

ที่มา : matichon online