ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

รัฐเข็นประกันภัยนาข้าวสุดลิ่ม ปรับเงื่อนไขจ่ายเคลมง่ายขึ้น

ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขประกันภัยต่างๆ ให้ปฏิบัติได้จริงมากขึ้น เพื่อให้เคลมง่ายขึ้น

รัฐเข็นประกันภัยนาข้าวสุดลิ่ม ปรับเงื่อนไขจ่ายเคลมง่ายขึ้น

กันยายน
19

โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 เริ่มเปิดขายมาตั้งแต่สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา และมีกำหนดปิดโครงการ 26 ตุลาคม 2555 แต่ตัวเลขผู้ซื้อก็ยังไม่มากนัก เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 8 ล้านไร่ โดย “กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ” ผู้รับประกันภัยร่วมกับ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่ารับความเสี่ยงไหว

รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดขายประกันภัยข้าวนาปีมาตั้งแต่สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีเกษตรกรสนใจซื้อแล้ว 10,129 ราย คิดเป็นพื้นที่ 205,005 ไร่ ยังห่างไกลจากเป้าหมายพื้นที่ 8 ล้านไร่อยู่มาก แต่ก็เชื่อว่า ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ จะสามารถประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ได้เข้ามาร่วมโครงการได้ตามเป้าอย่างแน่นอน เพราะเบี้ยประกันภัยกว่าครึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดปัญหาภัยธรรมชาติ หรือภัยพิบัติต่างๆ โดยอัตราเบี้ยประกันภัย 129.47 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ย 60 บาทต่อไร่ รัฐบาลสมทบให้ 69.47 บาทต่อไร่ หากเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.จ่ายเบี้ยแค่ 50 บาทต่อไร่ ธ.ก.ส. ช่วยจ่าย 10 บาทต่อไร่ หากนาข้าวได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ภัยแล้ง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บและไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองในวงเงิน 1,111 บาทต่อไร่ หากเสียหายจากศัตรูพืชและโรคระบาดคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่

“โครงการเดิมเราจ่ายสินไหมเกือบครบแล้ว เหลืออีกประมาณ 1,394 ราย เป็นเงินประมาณ 25 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายได้เสร็จภายในเดือนกันยายนนี้”

ด้านเลขานุการคณะกรรมการบริหาร กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า ปัญหาหนึ่งที่กองทุนฯ ห่วง คือ เรื่องพื้นที่รับน้ำ ซึ่งตามเงื่อนไขการประกันภัยข้าวนาปี ปีผลิต 2555 หากพื้นที่ใดถูกประกาศเป็นพื้นที่รับน้ำ จะคืนเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกร โดยเกษตรกรรายนั้นจะได้รับเงินชดเชยจากรัฐเอง ซึ่งเงื่อนไขนี้กำหนดไว้เป็นข้อยกเว้นกรมธรรม์ชัดเจน อาจทำให้เกษตรกรลังเลไม่ซื้อ เพราะยังไม่มั่นใจหากอยู่ในพื้นที่รับน้ำ และจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ทำให้ยอดขายไม่มาก

“เราจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมบอร์ดกองทุนฯ เพื่อหาทางออก ว่าควรจะทำอย่างไร อาจจะตัดเงื่อนไขนี้ออกจากกรมธรรม์เลย หรือจะทำอย่างไรไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่า ทำไปก็อาจจะไม่ได้รับการคุ้มครองจริงๆ พื้นที่รับน้ำตามหลักไม่รับประกันภัยอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่าพื้นที่ไหนบ้างจะเป็นพื้นที่รับน้ำ เพราะยังไม่เกิดน้ำท่วมขึ้น และต้องรอรัฐบาลประกาศ ดังนั้นเราจึงรับประกันภัยไปก่อน และกำหนดเงื่อนไขไว้ดังกล่าว ต้องมาหาทางออกในเรื่องนี้ หากทำได้ก็เชื่อว่าจะช่วยจูงใจให้เกษตรกรหันมาซื้อได้ตาม เป้าที่กำหนดไว้”

สำหรับเงื่อนไขการรับประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 นี้ ถือว่าได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆ ให้ปฏิบัติได้จริงมากขึ้น เช่น เดิมกำหนดการชดเชยไม่เท่ากันในระยะ 60 วันแรก หลังเพาะปลูก และหลังจากวันที่ 61 ไปซึ่งยุ่งยาก ปีนี้จึงตัดออกหมด จ่ายอัตราเดียวเพื่อให้เคลมง่ายขึ้น

“หลังหาทางออกเรื่องพื้นที่รับน้ำจะไม่ปรับเงื่อนไขอีก เพราะเหลืออีก 2 เดือนจะปิดโครงการแล้ว โดยกองทุนฯ รับประกันภัยไหวหากเสียหายทั้ง 8 ล้านไร่ เพราะความเสียหายแค่หลักพันล้านกองทุนฯ รับได้อยู่แล้ว และปีนี้เชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วมเหมือนปีที่แล้ว น่าจะเกิดฝนแล้ง และแมลงศัตรูมากกว่า แต่ดูแล้วความเสียหายของทั้ง 2 ภัยนี้ไม่สูงนัก เพราะตามสถิติภัยน้ำท่วมสร้างความเสียหายที่สุดสูงกว่าภัยแล้ง 1 เท่า รองลงมาเป็นภัยแล้ง และภัยจากศัตรูพืช ตามลำดับ ดังนั้นแม้โอกาสเกิดภัยแล้งสูง แต่ความเสียหายก็ไม่มากเท่าน้ำท่วม”

อย่างไรก็ดี โครงการนี้หากกองทุนฯ จะรับประกันภัยเองทั้งหมดก็ได้ แต่ที่ใช้วิธีประกันภัยร่วมกับ 2 บริษัทประกันภัย (Co-Insurance) เพราะต้องอาศัยสถิติจากรับประกันภัยมาช่วยในการศึกษาข้อมูลต่างๆ

ส่วนยอดขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า ขณะนี้ยอดขายรวมถึง 100,000 ฉบับแล้ว โดยตัวเลข ณ 10 สิงหาคม 2555 มียอดขายรวมอยู่ที่ 92,930 กรมธรรม์ ทุนประกันภัยรวม 9,462 ล้านล้านบาท คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรวม 65 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบ้านอยู่อาศัย 87,984 กรมธรรม์ ทุนประกันภัยรวม 6,611 ล้านล้าน บาท เป็นเบี้ยประกันภัยรวม 33 ล้านล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวน 4,623 กรมธรรม์ ทุนประกันภัยรวม 947 ล้านล้านบาท เป็นเบี้ยประกันภัยรวม 9 ล้านล้านบาท และภาคอุตสาหกรรมจำนวน 323 กรมธรรม์ ทุนประกันภัยรวม 1,904 ล้านล้านบาท เป็นเบี้ยประกันภัยรวม 23 ล้านล้านบาท

“เราคงไม่ปรับเงื่อนไขกรมธรรม์อีกแล้ว โดยกำลังจะคัดเลือกบริษัทประกันภัยต่อเข้ามารับประกันภัยต่อกองทุนฯ นัดรีอินชัวเรอส์ชื่อเสียงระดับโลก 3 รายมาเสนอรายละเอียดเงื่อนไข และแนวทางการประกันภัยต่อให้บอร์ดกองทุนฯ พิจารณา คาดว่าจะสามารถรู้ผลการคัดเลือกได้เลยในวันนั้น”

ที่มา : อาร์วายทีไนน์