ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

คปภ. เห็นทิศทางแข่งขันประกันภัยต่อเป็นบวก

คปภ.ลุ้นรีอินชัวเรอร์ปรับลดเบี้ยประกันภัยต่อ หากแผนบริหารจัดการน้ำไทยได้ผล ไม่เกินปีหน้าอัตราเบี้ยประกันภัยปรับลด

คปภ. เห็นทิศทางแข่งขันประกันภัยต่อเป็นบวก

กันยายน
6

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดเผยถึงทิศทางการบริหารกองทุนประกันภัยพิบัติว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการแข่งขันในธุรกิจรับประกันภัยต่อ ในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีการกลับเข้ามาแข่งขันของบริษัทรับประกันภัยต่อ ที่สนใจเข้ามาเจรจากับกองทุนแล้วประมาณ 4-5 ราย โดยที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่รับประกันภัยในตลาดโลกแทบทั้งสิ้น ดังนั้นจึงทำให้ทางคณะอนุกรรมการกองทุนมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ยอมรับว่าในพื้นที่ที่น้ำท่วมหนักเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และพื้นที่ 7 นิคมนั้น ขณะนี้เบี้ยประกันภัยยังคงสูงอยู่ แม้จะมีการปรับลดลงมาจาก 12-15% เหลือ 7% หรือบางที่อยู่ที่ระดับ 3-5% ก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอยู่ โดยระยะเวลาที่รีอินชัวเรอร์ต่างประเทศ ใช้เป็นเครื่องวัดศักยภาพของแผนบริหารจัดการน้ำ อยู่ที่ปลายปีนี้และปี 2556 หากไม่เกิดน้ำท่วมหรือท่วมน้อย โดยไม่สร้างความเสียหาย อัตราเบี้ยประกันภัยก็มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้

"หากปลายปีนี้น้ำไม่ท่วม โอกาสที่อัตราเบี้ยประกันภัยจะปรับลดลงก็มีมาก โดยอาจจะปรับลดลงต่ำได้ไม่มาก อาจจะไม่ถึงอัตราเบี้ยในระดับก่อนเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยปลายปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.01% โดยทุกฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า โอกาสที่ไทยจะกลับไปมีอัตราเบี้ยประกันภัยที่ถูกเช่นที่ผ่านมาจะไม่เกิดขึ้นอีก"

สำหรับแผนสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น ในสายตาบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศนั้น เบื้องต้นทางคณะอนุกรรมการกองทุนฯ อาจจัดคณะเดินทางไปเยือนบริษัทประกันภัยในต่างประเทศโดยตรง ซึ่งกลุ่มรีอินชัวเรอร์ที่มีศักยภาพจะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจในอังกฤษและญี่ปุ่น หรืออาจเชิญกลุ่มบริษัทต่างๆ เข้ามาดูแผนบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการสร้างแนวป้องกันน้ำ ในนิคมอุตสาหกรรมที่เคยท่วมและเสียหายหนักในปีที่ผ่านมา ที่ล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 70% โดยเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวนี้ จะสามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

"เราได้เตรียมแผนงานด้านการประกันภัยต่อต่างประเทศ เพื่อให้ทันก่อนที่จะถึงช่วงฤดูฝน และรองรับความต้องการที่แท้จริง ของเจ้าของบ้านและที่อยู่อาศัย กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโรงงานที่ใกล้ถึงกำหนดต่ออายุสัญญาประกันภัย ที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้แล้ว และขอให้มั่นใจว่า ปัญหาการหาบริษัทรับประกันภัยที่เกิดขึ้นเหมือนปลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเรามีกองทุนประกันภัยพิบัติเข้ามาดูแลตรงนี้แล้ว"

กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับสูตรการซื้อประกันภัยต่อนั้น เบื้องต้นต้องได้ที่ปรึกษาประกันภัยต่อก่อน แล้วถึงจะสามารถเลือกแนวทาง หรือวิธีการที่เหมาะสมได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (นายหน้าประกันภัย) ซึ่งคุณสมบัติจะต้องเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจ หรือเรียกว่านายหน้าที่เป็นบริษัทต่างชาติ เนื่องจากมีข้อมูล รวมถึงประสบการณ์ และมีเครือข่ายการรับทำประกันภัยอยู่แล้ว โดยปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้การเจรจาค่าเบี้ยประกันภัย หรือสัดส่วนการรับประกันภัยต่อ สำหรับกองทุนง่ายกว่าการใช้บริษัทนายหน้าที่เป็นคนไทย

ส่วนการทำประกันภัยนั้นมีหลายแบบ อาทิ ทำประกันภัยต่อเป็นล็อตๆ หรือต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชนที่ซื้อประกันภัยพิบัติ หรือเรียกว่าซื้อตามความต้องการ ความเหมาะสมมากกว่าจะเน้นซื้อที่ปริมาณ ที่สำคัญอัตราเบี้ยประกันภัยจะต้องเหมาะสม ภายใต้วงเงินกองทุนที่ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ทางกองทุนรับไว้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะอนุกรรมการกองทุน อยู่ระหว่างการเตรียมจัดหาประกันภัยต่อกองทุนไว้ล่วงหน้า อีกทั้งจะมีการสรรหาที่ปรึกษาด้านการประกันภัยต่อที่เหมาะสม พร้อมทั้งติดต่อบริษัทประกันภัยในต่างประเทศ เพื่อนำเสนอเงื่อนไขการคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยก่อนจะเดินทางไปเจรจากับบริษัทประกันภัย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะหน้าที่หลักที่ถือเป็นหัวใจของที่ปรึกษาประกันภัยต่อ จะต้องรู้ว่าช่วงไหนกองทุนสมควรซื้อประกันภัยต่อให้เพียงพอ และเหมาะสมกับปริมาณการซื้อกรมธรรม์ของรายย่อย และรายใหญ่ ให้ได้รับความคุ้มครอง

ขณะเดียวกันก็จะต้องไม่ทำให้กองทุนรับภาระ จากการซื้อประกันภัยผิดช่วง หรือไม่ตรงกับระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้กองทุนต้องรับความเสี่ยง (เงินจม) ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ น่าจะทราบแล้วว่าผู้ใดที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อจะได้กำหนดระยะเวลาให้ซื้อประกันภัยต่อตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม

"เบื้องต้นได้รับคำแนะนำบ้างแล้วว่า อาจจำเป็นต้องซื้อประกันภัยต่อไว้เป็นพื้นฐานบ้าง แต่อาจต้องรอความชัดเจนกว่านี้ ซึ่งแนวทางที่มองไว้ หากมีการซื้อทุนประกันภัยเข้ามารวมทุนเกินกว่า 1 แสนล้านบาท ก็จะซื้อประกันภัยต่อทันที โดยใช้การทยอยซื้อทีละ 1 หมื่นล้านบาท ก็เป็นได้"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ