ข่าวการให้สัมภาษณ์ของท่านอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในประเด็นการแก้ไขปัญหางบประมาณค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ นัยว่าบานทะโร่เลยเถิดไปกว่า 6.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนแนวทางแก้ไขท่านอธิบดีฯ ระบุว่า จะใช้ระบบประกันภัยเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการ และเพื่อความสะอาดว่าจะไม่มีแบงก์เก่านับพันล้านไปซุกอยู่ในบ้านตัวเอง จึงสำทับว่าแนวคิดนี้ได้หารือกับบริษัททิพยประกันภัย ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 30-40% มาได้ระยะหนึ่ง และเป็นวิธีการที่ดีกว่าไปหารือกับบริษัทประกันภัยเอกชน เพื่อป้องกันปัญหาถูกมองว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์กับภาคเอกชนหรือไม่

ทิพยประกันภัยเป็นบริษัทเอกชนหรอก หรือมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรของรัฐ หรืออย่างไร แต่เป็นเรื่องโชคดีที่กรรมการผู้จัดการผู้ใหญ่ ทิพยประกันภัย ยังมีกระบวนทัศน์ ทั้งวิธีคิด วิธีปฏิบัติ วิธีให้คุณค่า ตั้งอยู่บนความเป็นจริงของธุรกิจประกันภัย จึงไม่ไดเอาความเชื่อของข้าราชการมาเป็นจุดขายของทิพยประกันภัย ขยายความเชื่อนี้ออกไปสู่สาธารณชน

เมื่อคิดลึกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพื่อเสี้ยมให้เป็นเรื่องอย่างนั้น ก็ต้องคิดเลยเถิดกันไปเลย ถ้าเกิดความเชื่อว่าทิพยประกันภัยมีฐานะแตกต่างไปดั่งที่ว่าไว้ ซึ่งสำนักงานคปภ. จัดตั้งขึ้นมาเพื่อหาทางรับมือการเข้ามายึดประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. ของฝั่งกระทรวงสาธารณสุข คงได้ข้อยุติปัญหาทันที มอบหมายให้บริษัทประกันภัยแห่งรัฐ ทิพยประกันภัยขายประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. แต่เพียงผู้เดียว

ฝั่งสาธารณสุขต้องยกธงขาวยอมแพ้แน่นอน คิดทีเล่นทีจริงอย่างนี้มันมีเค้าลาง เพราะอย่าลืมว่าหนึ่งในทีมงานลับที่สำนักงาน คปภ. ตั้งขึ้นมานั้น มีชื่อสมพร สืบถวิลกุลอยู่ด้วย ส่วนหัวหน้าทีมงานคือวิวัฒน์ เกิดไพบูลย์ รองเลขาธิการ คปภ. แต่เมื่อประชุมไปได้ระยะหนึ่งทีมงานต้องมึน เพราะประธานในที่ประชุมเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนแนวคิดกันถี่ยิบ โดยเฉพาะที่ปรึกษาใหญ่ ท่านคมคาย ธูสรานนท์ ได้โอกาสนั่งเป็นประธานเมื่อไหร่ ทีมงานจากภาคเอกชนต้องสะดุ้งโหยงทุกครา เพราะแนวทางแก้ปัญหาของท่านที่ปรึกษา จ่ายไม่มีลิมิตและจ่ายเร็วสถานเดียว ถูกใจประชาชน แต่ขัดใจส่วนต่างกำไรประกันภัย

อย่างไรก็ดี แนวทางของท่านปรึกษาสอดคล้องกับแนวคิดองค์รวมของคณะทำงาน คือต้องเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. ให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นไปแบบขั้นบันใด ส่วนท่านที่ปรึกษาต้องการให้ขึ้นลิฟต์ไปเลย จะขึ้นลิฟต์หรือไปตามขั้นบันใด เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะจุดตายของบริษัทประกันภัย มิใช่ประเด็นส่วนต่างของกำไรที่มีอยู่ประมาณปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท แต่อยู่ที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถยนต์มั่นใจได้ว่า ตนเองได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด รวมไปถึงจะทำอย่างไรที่จะทำให้โรงพยาบาลมั่นใจว่า ค่ายาค่าใช้จ่ายในการรักษานั้น บริษัทสามารถจ่ายคืนกลับมาได้เร็วสุด แน่นอนคำถามนี้ทางทีมงานลับคปภ.ได้หาคำตอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นัยว่าค่ารักษานั้นจะไม่มีกฎเกณฑ์ค่าเสียหายเบื้องต้น จะไม่มีกฎกติกาต้องพิสูจน์ถูกผิดเสียก่อน ให้สิทธิ์โรงพยาบาลรักษาเต็มที่ไปเลยตามกฎหมาย ไม่เกิน 50,000 บาท

ในขณะเดียวกันยังเปิดช่องทางให้บริษัทประกันภัยจ่ายเงินกลับสู่โรงพยาบาลได้เร็วขึ้น ด้วยระบบอีเคลม ส่วนผู้ประสบภัยที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์พ.ร.บ. คุ้มครอง ทางกองทุนผู้ประสบภัยจากรถของสำนักงานคปภ. จะทำหน้าที่ควิกแคชแทนนั่น ก็หมายความว่าข้อกังขา ยันข้อหาต่างๆ ที่ฝั่งกระทรวงสาธารณสุขฟ้องร้องสังคม จะถูกล้างคราบคาวอย่างสะอาดหมดจด ศึกชิงประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ.งวดนี้ คปภ. เริ่มทำแต้มได้สวยงามจริงๆ แต่เสียอย่างเดียวไม่ได้บอกประชาชนเพื่อเรียกคะแนน

ที่มา : สยามธุรกิจ