ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

สงครามซื้อตัวคนประกันภัย วิริยะประกันภัยเตรียมพร้อมพนง.

ต่างชาติมีแค่เงิน-เทคโนโลยีแต่ไม่มีคน เนื้อหอมสุดแวดวงการเงิน ประกันภัย เตรียมพร้อมสกัดสมองไหล ยกระดับพนักงานคิดบวก

สงครามซื้อตัวคนประกันภัย วิริยะประกันภัยเตรียมพร้อมพนง.

มิถุนายน
7

บิ๊กวิริยะประกันภัยชี้เปิดเสรีอาเซียน ปลุกสงครามแย่งคนอุตลุด เหตุทุนต่างชาติมีแค่เงิน-เทคโนโลยี แต่ไม่มีคนต้องซื้อตัวจากอุตสาหกรรมไทย เนื้อหอมสุดสายวิชาชีพ-บริหาร โดยเฉพาะแวดวงการเงิน ประกันภัย เตรียมพร้อมสกัดสมองไหล ยกระดับพนักงานคิดบวก “โปร แอ็กทีฟ” สร้างความสุขในการทำงาน ปลูกจิตสำนึกรักษ์องค์กร เตรียมทำ “อินเทอนอล โมเดล” วัดเงินกองทุนควบคู่ RBC ส่งนักคณิตศาสตร์เรียนอังกฤษ ลั่น 1 มิ.ย.พะยี่ห้อ “มหาชน” พร้อมเพิ่มทุนเปิดทางพนักงานถือหุ้นงวดเข้ามาทุกขณะ สำหรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC) ในปี 2558 นี้

แม้ตามกรอบธุรกิจประกันภัย ประเทศสมาชิกจะพูดคุยกันไว้ ขอสงวนไว้ก่อนยืดเวลาเปิดเสรีออกไปเป็นปี 2563 แต่อาจจะมีการทบทวนใหม่ ยึดกรอบเดียวกับภาคธุรกิจอื่นคือ ในปี 2558 ก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นปีไหนย่อมมีผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการ ไปจนถึงผู้บริโภค ต้องปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรี

อย่างกรณีบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ทางกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ทันทีที่มีการเปิดเสรีจะเกิดสงครามแย่งชิงบุคลากร เพราะนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามามีแต่เม็ดเงินเทคโนโลยี แต่ไม่มีบุคลากรที่จะทำงานให้ ต้องแย่งชิงคนในอุตสาหกรรม กลุ่มคนที่มีโอกาสจะถูกแย่งตัวมาก คือสายวิชาชีพ สายบริหาร ในทุกธุรกิจหนักที่สุดคือ ธุรกิจการเงินและประกันภัย

“ต่างชาติรุกเราเร็วกว่าเรารุกเขา เขามีความพร้อม เขามองว่าบ้านเราคนทำประกันภัยน้อย อยากจะเข้ามาอยู่แล้ว คนเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ”

สำหรับวิริยะประกันภัยเองมีพนักงาน 4,400 คน มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยการอบรมความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพมาอย่างต่อเนื่อง อย่างโครงการ Pro Aactive สร้างให้พนักงานทุกคนมีความคิดเชิงบวก และเป็นทีมจัดทำเป็นหลักสูตรภาคบังคับ อบรมพนักงานทุกระดับ เน้นให้กล้าตัดสินใจทำงานเป็นทีม สร้างจิตวิญญาณในการบริการ นโยบายของบริษัทใครไม่คิดบวกไม่โปร โดยจะนำเคสข้อขัดแย้งต่างๆ ในที่ทำงาน หรือข้อโต้แย้งกับลูกค้า มาเป็นกรณีศึกษา ว่าถ้าคิดแบบโปรแอ็กทีฟ จะจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร เป็นต้น

“เราให้ความสำคัญกับคนมาก ยุคนี้การชนะอยู่ที่คนขององค์กร ต้องพัฒนาองค์รวมของคนถึงจะสามารถเพิ่มศักยภาพ ให้กับองค์กรได้ ผมเดินสายอบรมเอง หลังผ่านหลักสูตรเรามีกระบวนการวัดผลภายใน ดูจากความสุขในการทำงานของพนักงาน ความรักความสามัคคี จิตสำนึกทุ่มเททำงานให้กับองค์กร เพราะไม่ว่าเบี้ยประกันภัยจะเพิ่มเท่าไหร่ อย่างปีนี้เพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท บุคลากรที่มีอยู่เพียงพอไม่ต้องเพิ่ม ตอนนี้เราอบรมจะครบทุกจังหวัดแล้ว”

บริษัททำโครงการนี้เพื่อพัฒนาพนักงานให้รู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้น อย่างโครงการใหม่ที่จะเริ่มทำในปีนี้เรียกว่า Happy Place หรือสุขสภาวะในที่ทำงาน โดยร่วมกับภาคี คือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) คิดโครงการขึ้นมาพร้อมจัดทำเป็นหลักสูตรให้พนักงาน เป็นการวัดมวลความสุขของพนักงานด้วยการทำงาน เป้าหมายของบริษัทต้องการผูกพันพนักงาน เหมือนกับจองตัวหรือหมั้นหมายไว้ก่อน ให้อยู่กับองค์กรป้องกันไม่ให้สมองไหลไปอยู่ที่อื่น”

อีกตัวที่บริษัทต้องเตรียมคือต้องพยายามสร้าง Internal Model เป็นโมเดลบริหารจัดการความเสี่ยง วัดเงินกองทุนเงินสำรองของบริษัทเอง นอกเหนือจากตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง (Risk Based Capital : RBC) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยคัดเลือกพนักงานที่จบด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย ส่งไปศึกษาต่อหลักสูตรคณิตศาสตร์ประกันภัย เพื่อให้ได้ Fellow นอกจากที่ส่งไปเรียนที่ออสเตรเลียแล้ว ยังมีอีกคนที่ส่งไปเรียนที่อังกฤษ หากจบออกมาจะเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัยคนแรกของไทย ที่จบ Fellow จากอังกฤษซึ่งถือว่าจบยากที่สุด อีกทั้งอังกฤษได้ชื่อว่าเป็นตลาดประกันภัยเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งขณะนี้บริษัทมีนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ขึ้นทะเบียน 3 คน

ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ บริษัทจะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ตามกฎหมายที่กำหนด ประกันภัยต้องปรับตัวบ้าง เพราะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายมหาชนแต่ปรับไม่มาก เนื่องจากไม่ได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติมาก แต่ตัวที่จะเปลี่ยนแปลง คือโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพราะนโยบายของบริษัทจะเปิดโอกาส ให้พนักงานเข้ามาร่วมถือหุ้น ร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วย เป็นพันธสัญญาที่ให้กับพนักงาน ดังนั้นจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อให้พนักงานได้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน

“ถามว่าจะเพิ่มทุนเท่าไหร่ยังไม่รู้ และคงไม่ใช่พนักงานทุกคนที่จะมีสิทธิ์ซื้อ คงต้องมีอายุงาน 2 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอยู่ 90% ของพนักงานทั้งหมด ส่วนที่ทำงานเกิน 20 ปีมีอยู่กว่า 50% ส่วนคู่ค้าที่จะให้เข้ามาถือหุ้นจะเป็นสเต็ปต่อไป”

ไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะหุ้นของบริษัทอาจจะขายไม่ออก เพราะเป็นบริษัทที่ไม่เน้นทำกำไร การที่จำเป็นต้องเข้าตลาดหุ้น เพื่อเป้าหมายระดมทุนมากกว่า ในเมื่อบริษัทบริหารจัดการความเสี่ยงเพียงพอไม่ต้องเพิ่มทุน ตอนนี้บริษัทมีเงินกองทุนกว่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายหรือ CAR Ratio กว่า 300% เกินเกณฑ์คปภ.

ที่มา : สยามธุรกิจ