ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ประกันภัยไทยโชว์ 3 เดือนเรียกคืนประกันภัยต่อ 9 หมื่นล้าน

12 ค่ายประกันภัย 3 เดือน สำรองสินไหมเรียกคืนจากประกันภัยต่อกว่า 9.12 หมื่นล้าน ผลกำไรลดลง 51.27% เหตุขาดทุนจากการรับประกันภัยเป็นหลัก

ประกันภัยไทยโชว์ 3 เดือนเรียกคืนประกันภัยต่อ 9 หมื่นล้าน

พฤษภาคม
29

สำรวจผลประกอบการของบริษัทประกันภัยทั้ง 12 แห่งพบ 6 บริษัท รายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2555 ขาดทุนสุทธิรวม 1,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนรวม 403.68 ล้านบาท โดยผลขาดทุนสุทธิดังกล่าว มาจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2554 เป็นหลัก ส่วนใหญ่มีเบี้ยประกันภัยรับและเงินสำรองเบี้ยประกันภัย ที่ยังไม่เป็นรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้เบี้ยประกันภัยที่เป็นรายได้สุทธิลดลง ขณะที่ค่าสินไหมทดแทน และค่าใช้จ่ายในการจัดการสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยอื่นเพิ่มขึ้น โดยบมจ.ไทยเศรษฐกิจขาดทุนเพิ่ม 28.11% บมจ.นำสินขาดทุนเพิ่ม 15% บมจ.ไทยประ กันภัย 12.65% บมจ.ศรีอยุธยา 4.5%

ที่เหลืออีก 6 บริษัท ยังสะท้อนความสามารถในการทำกำไรเพิ่ม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนรวม 571 ล้านบาท ลดลง 51.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ 1,172 ล้านบาท เห็นได้จากบริษัทที่มีกำไรเพิ่มสูงสุด คือ 1. บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์กำไร 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 304.80% จากปีก่อนมีกำไรแค่ 16 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 49.18 ล้านบาท จากรายได้รับประกันภัยเพิ่ม 49.79 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 56.61 ล้านบาท หรือ 151.42% 2. บมจ.ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัยมีกำไร 107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.48% จากปีก่อนกำไร 82 ล้านบาท 3. บมจ.สินมั่นคงประกันภัยกำไร 164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.89%จากปีก่อนอยู่ที่ 152 ล้านบาท โดยเฉพาะบมจ.จรัญประกันภัยมีกำไรลดลง 97.24% จำนวน 11 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 399 ล้านบาท ขณะที่บมจ.กรุงเทพประกันภัยมีกำไร 86 ล้านบาท ลดลง 76.30% จากปีก่อนอยู่ที่ 363 ล้านบาทและ บมจ.ทิพยประกันภัยมีกำไร 138 ล้านบาท ลดลง 13.75% จากปีก่อนอยู่ที่ 160 ล้านบาท สาเหตุกำไรลดลงมาจากผลขาดทุนจากการรับประกันภัยเป็นหลัก ขณะที่บริษัทยังมีดอกเบี้ยรับ เงินปันผล และกำไรจากการขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น

รองผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) ชี้แจงผลขาดทุนสุทธิหลังภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 1,673 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1,878 ล้านบาท หรือ 917.2% สาเหตุเนื่องจากในไตรมาสที่ 4 ปีก่อน ได้เกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงขึ้นในประเทศไทย วิกฤตการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทบันทึกค่าความเสียหาย ในรายการค่าสินไหมทดแทนก่อนการประกันภัยต่อจำนวน 5,190 ล้านบาท หลักหักเอาประกันภัยต่อแล้ว บริษัทบันทึกค่าสินไหมทดแทนสุทธิจำนวน 2,447 ล้านบาท ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยดังกล่าว บริษัทจะมีผลกำไรสุทธิเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนในระดับ 3%

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบมจ.ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัยชี้แจงว่า บริษัทขาดทุนจากการรับทำประกันภัย 107 ล้านบาท มาจากการจ่ายสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น จากมหาอุทกภัยไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยผู้บริหารได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2554 และได้ประมาณการค่าสินไหมทดแทนที่เหมาะสมที่สุดมีจำนวน 11,976.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่จะได้รับคืนจากผู้เอาประกันภัยต่อ โดยประมาณจำนวน 11,368.9 ล้านบาท และเฉพาะไตรมาสแรก บริษัทได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วม ให้กับผู้เอาประกันภัยเป็นจำนวนเงิน 2,244.1 ล้านบาท โดยได้รับค่าสินไหมทดแทนรับคืนจากผู้เอาประกันภัยต่อเป็นจำนวนเงิน 898.4 ล้านบาท ขณะที่บริษัทเองยังเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันภัยต่อเฉพาะไตรมาส 1 คิดเป็น 359 ล้านบาท

ด้านกรรมการและเลขานุการ บมจ.กรุงเทพประกันภัยระบุว่า บริษัทได้บันทึกผลกระทบจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว ในงบการเงินในส่วนของค่าสินไหมทดแทนสุทธิหลังการประกันภัยต่อ เฉพาะไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 5,480.73 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทต้องตั้งสำรองประกันภัย ส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อ ณ วันที่ 31มีนาคม 2555 รวมสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของอุทกภัย จำนวนประมาณ 17,376.92 ล้านบาท ขณะที่บริษัทเองยังเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันภัยต่อ เฉพาะไตรมาส 1 คิดเป็น 1,138,971,150 บาท

ส่วน บมจ.ทิพยประกันภัยนั้น ระบุถึงสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อได้ รวมทั้งสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของอุทกภัยจำนวน 8,030.84 ล้านบาท และจำนวน 8,361.63 ล้านบาทตามลำดับ

ทั้งนี้กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.นวกิจประ กันภัยชี้แจงว่า จากเหตุมหาอุทกภัยทางบริษัทได้บันทึกผลกระทบจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว ในงบการเงินในส่วนของค่าสินไหมทดแทนสุทธิหลังการประกันภัยต่อ เฉพาะไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 167 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทต้องตั้งสำรองประกันภัย ส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 รวมสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของอุทกภัย จำนวนประมาณ 29,874 ล้านบาท ขณะที่บริษัทเองยังเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันภัยต่อ เฉพาะไตรมาส 1 คิดเป็น 8,068,427,512 ล้านบาท โดยมีเจ้าหนี้บริษัทรับประกันภัยต่อ เงินที่ถือไว้จากการรับประกันภัยต่อ คือ บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) 29,806,195 บาท

สำหรับบริษัทประกันภัยรายอื่นๆ พบว่าบมจ.จรัญประกันภัย ได้บันทึก สำรองค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้น จำนวนที่ประมาณการ 110.34 ล้านบาท และประมาณสินไหมที่จะได้รับคืนจากผู้รับประกันภัยต่อ จำนวน 40.55 ล้านบาท บมจ.นำสินประกันภัยพบว่า สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัทได้บันทึกสำรองค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้น เพิ่มเติมในส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของเหตุมหาอุทกภัย ประมาณ 533.6 ล้านบาท บมจ.ไทยประกันภัยระบุว่า บริษัทได้บันทึกสำรองค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม ในส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของเหตุมหาอุทกภัย ประมาณ 2,460.78 ล้านบาท บมจ. สินมั่นคงประกันภัย ระบุว่า บริษัทได้บันทึกสำรองค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม ในส่วนที่เรียกคืนจากบริษัท ประกันภัยต่อของเหตุมหาอุทกภัย ประ มาณ 31.28 ล้านบาท

บมจ.ศรีอยุธยาแคปปิตอลระบุว่า เงินสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อเดือนมีนาคม 2555 และธันวาคม 2554 ได้รวมค่าเสียหาย ส่วนที่คาดว่าจะเรียกคืนได้จากบริษัทประกันภัยต่อจำนวนเงิน 4,086.41 ล้านบาท และ 4,947.59ล้านบาทตามลำดับ ส่วนบมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย มีเงินสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อจำนวน 4,259 ล้านบาท และบมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มีสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อเดือนมีนาคม 2555 รวมสำรองประกันภัยส่วนที่เรียกคืนจากบริษัทประกันภัยต่อของอุกภัยจำนวน 550 ล้านบาทจาก ธันวาคม 2554 อยู่ที่ 534 ล้านบาท

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ