โดย ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 11 เมษายน 2555 เวลา 10:31 น.

ระเบิดหาดใหญ่ จุดกระแสธุรกิจภาคใต้ซื้อประกันภัยก่อการร้ายเพิ่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรม รีสอร์ต ไม่วางใจสถานการณ์ แห่ขยายความคุ้มครอง "ทิพย-กรุงเทพประกันภัย" ชี้หลังบึ้ม รีอินชัวเรอร์ เตรียมจับตาไทยคล้ายกรณีน้ำท่วมมากขึ้น ระบุหากสถานการณ์ระเบิดยังเกิดรายวัน หวั่นปลายปีจะหาประกันภัยต่อยาก ด้านวงการระบุปีนี้อาจมีเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 1-3 พันล้านบาท

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้นส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมาจะเงียบสงบลงแล้ว แต่บริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ กลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มมีความน่ากลัวมากขึ้น และปรับสถานภาพให้ประเทศไทยเป็นอีกประเทศที่ต้องเฝ้าจับตา ด้านการทำประกันภัยการก่อการร้าย

"ที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุระเบิดหรือเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหาย จะมีคนหันมาซื้อประกันภัยที่เน้นคุ้มภัยก่อการร้ายที่เห็นชัดที่สุดคือ กรณีเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร ส่วนกรณีทางภาคใต้ หรือที่อำเภอหาดใหญ่ เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอัตราเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายจะขยับขึ้นเป็นเท่าตัว แต่เมื่อสถานการณ์จบลงอัตราเบี้ยประกันภัยเริ่มปรับลง เช่นเดียวกับความต้องการซื้อก็จะหายไปอีก"

อัตราเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายจะสูงหรือต่ำ อย่างแรกขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองเบี้ยประกันภัย ทุนประกันภัย ความรับผิดเสียหายส่วนแรก และสถานที่ตั้งว่าอยู่เขตไหน ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ เช่น หากตั้งอยู่ในเชียงใหม่ อัตราเบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ประมาณ 0.5% แต่หากตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่าง 3 จังหวัดและ 4 อำเภอทางภาคใต้ อัตราเบี้ยประกันภัยตามราคาตลาดจะสูงขึ้นตั้งแต่ 2-5%

"ล่าสุดเริ่มมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรม รีสอร์ต ติดต่อขอทำประกันภัยก่อการร้ายเข้ามา จากเดิมที่ทำเพียงประกันภัยทรัพย์สิน (IAR) โดยได้แบ่งซื้อภัยเพียงบางส่วน เช่น 200 ล้านบาท ทางด้านบริษัทเองเมื่อเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้น ก็ได้เริ่มเก็บข้อมูลในพื้นที่ทางภาคใต้เพื่อนำมาประกอบการคิดคำนวณเบี้ยประกันภัย"

ทิศทางความต้องการซื้อประกันภัยก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้นนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้บริษัทสามารถทำตลาดตรงนี้ได้ บริษัทได้ซื้อประกันภัยเพิ่มเติมให้สามารถรองรับการขยายตัว หลังบริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยธรรมชาติ (ลมพายุ น้ำท่วม) ปี 2555 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และ3 เดือนที่ผ่านมามีผู้สนใจซื้อประกันภัยดังกล่าว แล้วคิดเป็นเบี้ยประกันภัยมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป จะมีภาคธุรกิจหันมาซื้อประกันภัยก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้น

"ที่น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้ดี คือ เริ่มมีบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ที่ทำธุรกิจในภาคใต้ ติดต่อเข้ามาโดยถามถึงความเป็นไปได้ในการรับงาน เน้นไปที่ประกันภัยก่อการร้ายโดยตรง และได้ชี้แจงไปแล้วว่าทิพยประกันภัยไม่ปิดกั้น และมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปทุกกลุ่ม แต่อาจต้องใช้เวลาสำหรับการรวบรวม นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าบริษัทยังต้องส่งงานต่อให้ประกันภัยต่อ บริษัทรับเสี่ยงภัยไว้เองตามกฎหมายไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทรับเสี่ยงภัย 400 ล้านบาท"

ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีสัดส่วนการตลาดในการเข้ามารับประกันภัยความเสี่ยงภัยทางภาคใต้ โดยส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้ากลุ่มประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ซึ่งบริษัทได้ขยายความคุ้มครองถึงภัยก่อการร้ายเพียงบริษัทเดียว ดังนั้นเมื่อเกิดความไม่มั่นใจ ส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนในเขตพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินจะเริ่มตื่นตัว และหันมาทำประกันภัยเพิ่มเติมอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ทิศทางการทำประกันภัยก่อการร้ายจากนี้จะเริ่มมองเห็นความชัดเจน โดยเฉพาะอัตราเบี้ยประกันภัย แม้ขณะนี้บริษัทรับประกันภัยต่อยังไม่ส่งสัญญาว่าจะปรับขึ้นเบี้ยประกันภัย แต่เชื่อว่าจากนี้ไปการเกิดเหตุระเบิด ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือระเบิดที่มีระดับความเสียหายรุนแรงชัดเจน จะถูกใช้เป็นตัววัดการเข้ามารับประกันภัยต่อมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจอย่างหาดใหญ่และตัวเมืองจังหวัดสงขลา จะถูกจับตาเป็นพิเศษ

ดังนั้นเมื่อถึงกลางปีหรือท้ายปี เมื่อบริษัทประกันวินาศภัยถึงกำหนดต่อสัญญาแล้ว บริษัทรี อินชัวเรอร์จะใช้อัตราเบี้ยประกันภัยระดับใหม่ คือปรับขึ้นจากเดิมตั้งแต่ 0.5-15% มาปรับเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยที่เป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ทั้งนั้นคาดว่าภายในปี 2555 น่าจะมีการรับประกันภัยเข้าสู่ระบบประกันภัยเพิ่มขึ้นเฉพาะ 5 จังหวัดอีกไม่ต่ำกว่า 1,000-3,000 ล้านบาท

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมามีการทำประกันภัยก่อการร้าย ในเขตพื้นที่พิเศษ คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา คือ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา มีการจ่ายสินไหมชดเชย ดังนี้ ปี 2550 จ่ายสินไหมภัยก่อการร้ายรวม 32 ราย รวม 280 ล้านบาท คิดเป็นเบี้ยประกันภัย 6.4 ล้านบาท ชดเชย 3.7 ล้านบาท, ปี 2551 จ่ายสินไหมก่อการร้าย รวม 88 ราย รวม 734.97 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัย 13.1 ล้านบาท ชดเชย 8.2 ล้านบาท, ปี 2552 จ่ายสินไหมก่อการร้ายรวม 85 ราย รวม 737.8 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัย 13 ล้านบาท ชดเชย 13 ล้านบาท ปี 2553 จ่ายสินไหมก่อการร้าย รวม 90 ราย รวม 1,122.8 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัย 18.6 ล้านบาท ชดเชย 13.5 ล้านบาท และปี 2554 จ่ายสินไหมก่อการร้าย 60 ราย รวม 1,177.8 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัย 13.7 ล้านบาท ชดเชย 10 ล้านบาท โดย 5 ปีที่ผ่านมา มีการจ่ายชดเชยรวม 38.4 ล้านบาท

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ