โดย สยามธุรกิจ วันที่ 3 มีนาคม 2555 เวลา 00:00 น.
หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ คึกคักสวนทางอัตราดอกเบี้ย แถมเกณฑ์การลงทุนใหม่คปภ.ยังไม่คลอด ส่งผลบริษัทประกันชีวิต-วินาศภัย แห่ปรับพอร์ตลงทุนหุ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน “ไทยประกันชีวิต” ยอมขยับเพิ่มเป็น 5% ขณะ “กรุงเทพประกันชีวิต” เพิ่มจาก 7.64% เป็น 10% ส่วน “ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต” ประเดิม ลงทุนหุ้นครั้งแรก 7.5% ทุกค่ายประสานเสียง หวังรักษาระดับผลตอบแทนที่ 5%
ผลพวงจากพันธบัตรในตลาด ที่มีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการของบริษัทประกันภัย ขณะที่แนวโน้มผลตอบแทนของพันธบัตร ที่ยังอิงกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้บริษัทประกันภัยหาช่องทางลงทุน เพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นถือเป็นการลงทุน แม้จะมีความเสี่ยงสำหรับธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะประกันชีวิตที่ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในพันธบัตร แต่เมื่อปัจจัยการลงทุนไม่เอื้ออำนวย จึงต้องหันไปลงทุนในหุ้นเพิ่มเพื่อหาทางออกให้กับการลงทุนในปีนี้
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ เข้ามาเฉลี่ย 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยทิศทางการลงทุนปีนี้ บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงแต่ผลตอบแทนค่อนข้างดี โดยจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้ที่มีน้อยมากเพียง 3% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด มาเป็น 5% เนื่องจากพันธบัตรที่ออกขายในตลาด ซึ่งเป็นการลงทุนหลักของธุรกิจมีน้อย และผลตอบแทนค่อนข้างต่ำตามทิศทางดอกเบี้ย จึงต้องหาการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 5% ที่วางไว้
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี2554 ไทยประกันชีวิตมีพอร์ตการลงทุนทั้งสิ้น 153,295.29 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนตามราคาบัญชีที่ 5.06% ขณะที่ผลตอบแทนตามราคาตลาดที่ 5.49% โดยลงทุนในหุ้นสามัญ 6159.55 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.37%
“ใจจริงอยากลงในพันธบัตรเพิ่มมากกว่า เพราะไม่มีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนไม่จูงใจ เราจึงหันมาลงในหุ้นกู้มากขึ้น เพราะผลตอบแทนปีนี้ค่อนข้างคึกคัก หากได้ 4.4-4.6% ก็พอใจ แต่เรายังลงทุนในหุ้นน้อยมาก ขยับเพิ่มก็น่าจะแค่ 5% เพราะยังเสี่ยงสูงและต้องดูแนวโน้มของตลาด โดยเราเน้นลงในหุ้นกลุ่มแบงก์ กลุ่มสื่อสาร เป็นหลัก”
ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายการลงทุน บมจ.บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต กล่าวว่า ปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจาก 7.64% เป็น 10% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนในขณะนี้ ที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 80% ของพอร์ตลงทุนรวม 105,000 ล้านบาทของบริษัทลดลงด้วย ขณะเดียวกันก็หันมาหาผลตอบแทนจากการรับประกันภัย ด้วยการปรับลดต้นทุนสินค้าให้สอดคล้องกับสภาพการลงทุนในปัจจุบัน เพื่อรักษาฐานผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่า 5%
“ผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ อาจปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ประมาณ 5.3% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ ส่วนการลงทุนในหุ้นหากมีจังหวะการลงทุนที่ดี ก็พร้อมที่จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่ม ทั้งหุ้นกลุ่มโรงงานไฟฟ้า ประปา ทางด่วน ฯลฯ เนื่องจากจะให้ผลตอบแทนที่ดี และยังมีความเสี่ยงต่ำ”
ขณะที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทปรับนโยบายการลงทุนใหม่ เริ่มตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทะยอยลดสัสด่วนลงทุนในพันธบัตรลง เพื่อมาลงทุนในหุ้น และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนรวมกัน 7.5%
“เราปรับพอร์ตลงทุนเพื่อได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราลงทุนในหุ้น โดยส่วนหนึ่งมากจากการปรับสินค้าใหม่ เน้นออกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละเซ็กเมนท์มากขึ้น และเน้นให้ผลตอบแทนที่พึงพอใจให้กับลูกค้า จึงต้องการลงทุนให้สอดรับกับสินค้าที่จะออกขาย โดย ณ สิ้นปี2554 บริษัทมีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น 86,176 ล้านบาท ได้ผลตอบแทน 4.48% และปีนี้ตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนไว้ที่ 4.9-5%”
ด้านกรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า บริษัทลงทุนหุ้นไม่เกิน 10% ของพอร์ต โดยเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดี และจ่ายเงินปันผลดีเป็นหลัก ส่วนหุ้นกู้ก็น่าสนใจลงทุน เพราะผลตอบแทน 4.5% โดยจะดูบริษัทที่ออกมีความมั่นคงหรือไม่ เป็นธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคตหรือไม่
ทางด้านบริษัทประกันวินาศภัย มีหลายแห่งที่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเช่นกัน อาทิ บมจ.สินมั่นคงประกันภัย โดยประธานกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นเป็น 15% ของพอร์ตลงทุนรวมหรือคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 1,246.3 ล้านบาท เทียบกับปี 2554 ที่ลงทุนในหุ้น 8.4% เม็ดเงินลงทุน 682.6 ล้านบาท เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน และให้สอดคล้องกับภาวะตลาด โดยคาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น 5%
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ในช่วงมกราคม-พฤศจิกายน2554 ธุรกิจประกันชีวิตมีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น 1.4 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนในหุ้น 99,844 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.22% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมด
ที่มา : สยามธุรกิจ