ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ประกันภัยไซส์เล็กซุ่มควบรวม น้ำท่วมทำธุรกิจเจ๊งเถ้าแก่ถอดใจ

น้ำท่วมใหญ่สร้างความเสียหายต่อบริษัทประกันภัย จ่ายค่าสินไหมก้อนใหญ่ กระทบต่อการแปรสภาพเป็นมหาชน

ประกันภัยไซส์เล็กซุ่มควบรวม น้ำท่วมทำธุรกิจเจ๊งเถ้าแก่ถอดใจ

มีนาคม
9

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 00:00 น.

ใกล้เข้ามาทุกขณะกับกำหนดการที่บริษัทประกันภัยทุกแห่ง ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยจะต้องแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ตามกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2556 นี้ หากไม่ทันขยายเวลาให้อีก 3 ปีจนถึงปี 2559 แต่มีเงื่อนไขในช่วงเวลา 3 ปีนี้ห้ามขยายธุรกิจ หากครบกำหนดช่วงขยายเวลาบริษัทประกันภัยแห่งใดยังไม่แปรสภาพเท่ากับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสิ้นสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะยึดคืนทันที

อย่างไรก็ดีหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อบริษัทประกันภัย ต้องจ่ายค่าสินไหมก้อนใหญ่กระทบต่อฐานะการเงิน ทำให้หลายบริษัทต้องเพิ่มทุนจำนวนมาก มีผลต่อการแปรสภาพเป็นมหาชน หลายบริษัทอาจจะใช้ช่วงเวลานี้ควบรวมหรือขายกิจการ

ประธานคณะกรรมการกฎหมายและกฎระเบียบสมาคมประกันวินาศภัยให้ความเห็นว่า หลังน้ำท่วมมีแนวโน้มที่บริษัทประกันภัยจะควบรวมหรือขายกิจการมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบริษัทขนาดเล็กหลายแห่ง แจ้งเข้ามาที่สมาคมฯ ขอหารือเรื่องการควบรวมกิจการ จะทำพร้อมกับแปรสภาพหรือแปรสภาพก่อนแล้วค่อยควบรวมกิจการทีหลัง มีข้อดีข้อเสียอย่างไรขอให้สมาคม ช่วยจัดทีมกฎหมายเข้าไปช่วยดูช่วยให้คำปรึกษา

“เราติดตามความคืบหน้าการแปรสภาพและควบรวมกิจการของสมาชิก ดูว่าอยากให้เราช่วยเหลืออะไรบ้าง พบว่ากลุ่มที่มีเจตนาจะควบรวมกิจการถามเข้ามาถึงเรื่องการควบรวม มีกระบวนการยาวปีหนึ่ง อาจจะไม่พออาจจะเลยกุมภาพันธ์ปีหน้า เขากลัวว่าระหว่างควบรวมกิจการยังไม่เสร็จ แล้วเลยกำหนดไม่สามารถแปรสภาพได้ทันกลัวจะทำผิดกฎหมาย ทำให้เขาขยายกิจการไม่ได้เสียโอกาสทางธุรกิจ เขาอยากจะรู้จะควบรวมก่อนแล้วถึงแปรสภาพหรือแปรสภาพก่อนถึงควบรวมอย่างไหนดีกว่ากัน อีกกลุ่มเป็นบริษัทที่ไม่ต้องการควบรวม แต่ต้องการรู้ขั้นตอนเกี่ยวกับการแปรสภาพ เช่น กฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มไม่ต้องการแปรสภาพอยู่นอกเหนือกฎหมายเป็นพวกสาขาต่างประเทศ”

ยืนยันแนวโน้มการควบรวมกิจการของบริษัทประกันภัย หรือขายกิจการจะมีมากกว่านี้แน่ มาจาก 3 ปัจจัยคือ

1. ผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ความสามารถในการรับประกันภัยของบริษัทต่างๆ ลดลงมาก ขณะที่ความต้องการทำประกันภัยของผู้บริโภคมีมากขึ้นทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทประกันภัยขนาดเล็กและกลางที่ต้องการจะอยู่ในธุรกิจต่อไป จำเป็นต้องเพิ่มทุนมากเพื่อรองรับขนาดกองทุนที่ต้องใหญ่ขึ้น ในอนาคตให้สอดรับกับขนาดของงานที่มีมากขึ้น ซึ่งการเพิ่มทุนเป็นอุปสรรคใหญ่ที่อาจจะทำให้เจ้าของกิจการตัดสินใจขายหรือควบรวม

2. การแปรสภาพเป็นมหาชน มีภาระหน้าที่มากขึ้นทั้งต้องระมัดระวังผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด จะมาคำนึงแต่ครอบครัวเหมือนอดีตไม่ได้, ต้องมีความจงรักภักดีต่อบริษัท มีความโปร่งใสไม่แสวงหาผลเพื่อประโยชน์ของตัวเอง, ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎระเบียบมีมากทั้งข้อปฏิบัติของสมาคม นายทะเบียน ประกันภัยนานาชาติ (IAIS) ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายมหาชนและหากจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อจะระดมทุนต้องปฏิบัติตามกฎกติกาของตลาดและต้องเปิดเผยข้อมูล ทั้งต่อผู้ถือหุ้น สาธารณะ หน่วยงานกำกับ และผู้เอาประกันภัย

และ 3.เงื่อนไขในการประกอบธุรกิจมีมากขึ้นจากกฎกติกาของคปภ. อาทิ ต้องมีเงินกองทุนเพียงพอตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital : RBC) ต้องมีนักคณิตศาสตร์ประกันภัย เพื่อคำนวณเงินสำรอง อัตราเบี้ยประกันภัยให้เพียงพอกับความเสี่ยง จะมาคิดเบี้ยประกันภัยตามอำเภอใจ ขายราคาต่ำๆ เพื่อจะให้มียอดขายมากๆ เหมือนอดีตไม่ได้ ล้วนเป็นภาระที่อาจจะกดดันเจ้าของกิจการออกจากธุรกิจไปหรือ ต้องควบรวม

“น้ำท่วมเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาในเรื่องของการควบรวมหรือขายกิจการ เพราะค่าเสียหายจำนวนมากที่เกิดขึ้น ทำให้กองทุนลดลงมากต้องเพิ่มทุน ขณะที่ผลประกอบการไม่ดี ปีที่แล้วน้ำท่วมทำให้ทุกคนขาดทุนกันถ้วนหน้า เป็นปัจจัยหนึ่งที่ฉุดเงินกองทุนร่วงมาเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นต้องคิดมากขึ้น”

ขณะนี้มีกลุ่มบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กำลังรอซื้อบริษัทประกันภัยขนาดเล็กและกลางที่ตัดสินใจขายกิจการหลังจากน้ำท่วม หลังจากนั้นจะนำมารวมเข้าด้วยกัน ก่อนจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทีเดียว

“นอกจากทุนไทยแล้ว ผลกระทบจากน้ำท่วมยังเปิดโอกาสให้ทุนต่างชาติเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจประกันภัยไทย กอปรกับเราต้องแปรสภาพอยู่แล้วจะถือโอกาสเพิ่มทุนรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) ไปด้วย ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มต่างชาติเริ่มมองไทยเป็นตลาดที่มีอนาคตที่ดีอาจจะใช้เป็น “ฮับ” ธุรกิจประกันภัยในเอเชีย แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมแต่การที่รัฐมีมาตรการบริหารจัดการเป็นรูปธรรมสร้างความเชื่อมั่นได้ ระหว่างควบรวมกันเองหรือขายให้ต่างชาติเป็นไปได้ทั้งคู่ อะไรก็ตามที่ให้ธุรกิจอยู่ได้เป็นไปได้หมด”

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากน้ำท่วมทางบิ๊กในวงการอย่าง ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เคยให้ความเห็นเป็นปัจจัยที่จะทำให้บริษัทประกันภัยหันมาควบรวมกิจการกันมากขึ้น ซึ่งปีนี้น่าจะเห็นไม่ต่ำกว่า 10 บริษัท เพราะความเสียหายจากน้ำท่วมทำให้บริษัทประกันภัยถูกกระทบมาก หากเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ RBC ต้องเพิ่มทุนเข้ามา อยู่ที่ผู้ถือหุ้นอยากจะเพิ่มทุนหรือไม่

ที่มา : สยามธุรกิจ